วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ไทยรัฐ พาไปลองของบึกบึน NISSAN NAVARA NP300 กระบะพันธุ์โหด (ตอนที่1)

ลองของบึกบึน NISSAN NAVARA NP300 กระบะพันธุ์โหด (ตอนที่1)

โดย อาคม รวมสุวรรณ 31 ก.ค. 2557 14:05

รถปิกอัพหรือรถกระบะกลายเป็นยานพาหนะในดวงใจของคนไทยส่วนใหญ่ที่ชื่น ชอบในความอเนกประสงค์ของการใช้งานบนความแข็งแกร่งสมบุกสมบันไม่พังคาเท้ากัน ง่ายๆ สงครามแย่งชิงยอดขายของรถกระบะในประเทศเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีต่อ เนื่องมาจนถึงกลางปี กับข่าวคราวการเตรียมความพร้อมในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กระบะภายใต้แบรนด์ สัญลักษณ์ Nissan ด้วยรถรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Navara รหัส NP300 สืบสานตำนานความอึดของกระบะพันธุ์แกร่งที่ไม่เป็นสองรองใคร ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังรุ่นใหม่ บนเปลือกตัวถังที่ผ่านการบ่มเพาะมาเป็นพิเศษในด้านความหล่อเหลาปนกับมาดโหดๆ ยามบุกตะลุยไปในทางทุรกันดาร NP300 ที่กำลังมุ่งมั่นไปสู่ความสำเร็จตามที่กลุ่มผู้บริหารใน Nissan คาดการณ์ ปิกอัพคันนี้เกิดจากความพยายามในการเอาชนะกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ บวกกับความสามารถในการวิ่งบุกตะลุยบนทางวิบากไปในทุกพื้นที่ทุรกันดาร

แชสซีส์กระบะของ Nissan นั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องการรับแรงและความคงทน ไล่เรียงมาตั้งแต่ Big M / Frontier มาจนถึง Navara ในเวอร์ชั่นสุดท้ายก่อนที่จะเปลี่ยนโฉมมาเป็น Navara NP300 ขั้นตอนในการทดสอบตัวรถต้นแบบก่อนผลิตจริงด้วยระยะทางที่ใช้ในการวิ่งทดสอบ และประเมินประสิทธิภาพก่อนที่จะลงมือผลิตจริงยาวไกลมากถึง 1,000,000 กิโลเมตร บนท้องถนนทั่วโลก น้ำหนักของแชสซีส์ตัวใหม่บวกกับโครงสร้างแบบใหม่ทำให้มันมีน้ำหนักตัวลดลง 70 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับโมเดล Navara รุ่นที่แล้ว แอร์โรไดนามิกส์หรืออากาศพลศาสตร์ที่ถูกปรับแก้ใหม่หมด (cd.042) ส่งผลไปถึงการทรงตัวที่ดีขึ้น เรือนร่างใหม่ของ New Navara NP300 ประกอบด้วยกระจังหน้าแบบใหม่ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED ให้ความสว่างมากกว่าไฟหน้าแบบเก่า 1.4 เท่า และไฟหรี่กลางวัน Daytime Runing Light อยู่ในกรอบพลาสติกโพลิเมอร์ใสรวมกับไฟหน้า กระจังหน้าะพลาสติกโครเมี่ยมสีเงินแบบใหม่ที่สื่อให้เห็นถึงแนวทางและความ พยายามในการปรับภาพลักษณ์ของโมเดลกระบะจาก Nissan เพื่อทำให้มันดูดีและสามารถลงแข่งขันกับคู่แข่ง ซึ่งเป็นปิกอัพแจ่มๆ เช่น Toyota Vigo / Mazda BT-50 Pro / Ford Ranger / Mitsubishi Triton / Chevrolet Colorado

กันชนหน้าขนาดใหญ่ตามสไตล์ของตัวลุยมีไฟตัดหมอกทรงกลมอยู่ในกรอบ พลาสติกโครเมี่ยม กันชนหน้าหรือสปอยเลอร์หน้าออกแบบให้มีลักษณะสองชั้นเพื่อเสริมมุมมองและ สร้างความแตกต่างในด้านความดุ ฝากระโปรงยกสันมุมเพื่อเน้นแสงเงายามตกกระทบ รวมถึงกระจกมองข้างที่ใช้กรอบพลาสติกโครเมียมสีเงินกับไฟเลี้ยวภายใน กรอบกระจกมองข้างตามสมัยนิยม เส้นสายด้านหน้าที่เน้นความบึกบึนและความทรหดอดทนของ Navara สอดประสานไปกับแนวทางการออกแบบใหม่ทั้งหมดที่คุณสามารถพบเห็นได้ในรถลุย โมเดลใหม่ๆ จากแบรนด์ Nissan

Navara NP300 Double Cab รุ่นท็อปสุดมีด้านข้างที่เน้นความเป็นตัวตนของปิกอัพพันธ์ุลุย โป่งซุ้มล้อขนาดใหญ่รอบคันผนวกโครงสร้างแชสซีส์ที่รับแรงบิดได้เพิ่มมากขึ้น ขนาดมุมของโครงสร้างใหม่ที่ทำจากเหล็กคุณภาพสูง ทำให้ยึดเกาะกับผิวถนนได้ดี ช่วยให้การวิ่งไปในพื้นที่ลาดเอียงได้มากถึง 31 องศา องค์ประกอบของแชสซีส์ทั้งหมดถูกห่อด้วยเฟรมตัวถังที่แข็งแกร่ง ระยะห่างจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถถูปรับแก้ให้มีระยะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในส่วนของเครื่องยนต์ เกียร์และเฟืองท้ายต่ำลงกว่าเดิมเพื่อลดค่า Center of gravity หรือการลดจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถเพื่อจุดประสงค์ในการวิ่งทางเรียบให้ได้ความ มั่นคงเพิ่มขึ้น NP300 ใส่ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ห่อหุ้มด้วยยางรถปิกอัพสมรรถนะสูงของ Toyo Tires รุ่น Open Country ขนาด 255/60R18 108H เป็นยางรถปิกอัพกึ่งเรียบกึ่งลุยของค่าย Toyo Tires ที่สามารถบุกตะลุยทางฝุ่นได้เป็นอย่างดี

ล้ออัลลอยขอบ 18 สีเงินสลับดำมีก้านวงที่แข็งแรงเหมาะสมสำหรับการตะลุยไปในพื้นที่ที่รถเก๋ง ไม่สามารถฟันฝ่าเข้าไปได้ รุ่นสูงสุดของNissan New Nevara ยังมีกาบบันไดแบบออฟโรด โป่งซุ้มล้อโหดๆ และตัวยึดแรคหลังคาซึ่งกลายเป็นของจำเป็นสำหรับตัวลุยยุคใหม่ เสาหน้ามีองศาความลาดเอียงมากยิ่งขึ้น ส่วนพื้นที่ของบานประตูหลังเสริมคุณประโยชน์ของการใช้สอย ด้วยการขยายพื้นที่สำหรับวางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะเน้นความโล่งโปร่งสบาย โลหะที่ใช้ทำตัวเหยียบกาบบันไดเพื่อเข้าสู่ห้องโดยสารยังใช้วัสดุโลหะเพื่อ ความหรูในด้านของมุมมอง มิติของตัวรถยาว 5,255 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตร และสูง 1,785 มิลลิเมตร ระยะห่างของล้อหน้า-หลัง 3,150 มิลลิเมตร ฐานล้อหน้าและหลังเท่ากันที่ 1,570 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 218 มิลลิเมตร บนน้ำหนักตัว 1,820 กิโลกรัม ลดลง 70 กิโลกรัมเมื่อเปรียบเทียบกับ Navara รุ่นที่แล้ว

บั้นท้ายของ New Navara NP300 ประกอบด้วยฝาท้ายแบบใหม่ที่ทั้งใหญ่และหนา ส่อเจตนารมณ์ในการออกแบบและผลิตขึ้นมาเพื่อความทนทานบวกการรับแรงหรือการ เปิด-ปิด เพื่อขนสัมภาระหนักๆ จุดยึดฝาท้ายที่ใช้เหล็กพับมีขนาดใหญ่ขึ้นและมือจับที่เปิดบานฝาท้ายแบบใหม่ สำหรับทรงของไฟท้ายแนวปิกอัพหนีไม่ออกกับไฟท้ายแนวตั้งที่เหมาะกับรูปแบบของ ตัวรถ กันชนหลังโลหะเน้นความแข็งแกร่งทั้งการเหยียบขึ้น-ลง รวมถึงการเปิด-ปิดที่สอดรับกับการใช้งานของฝาท้าย ไฟเบรกดวงที่สามแบบหลอด LED อยู่ด้านบนสุดของกระจกบังลมบานหลัง เพิ่มมุมมองในด้านความปลอดภัยสำหรับรถคันหลังที่ขับตามมาเมื่อต้องใช้เบรก เสาวิทยุขนาดเล็กติดตั้งอยู่กึ่งกลางของแนวหลังคาส่วนท้าย ที่ขาดไม่ได้คือยางกันโคลนที่มีให้ทุกซุ้มล้อเพื่อป้องกันเศษดินเลน โคลนกระเด็นขึ้นมาเปื้อนตัวถัง

ห้องโดยสารในรุ่น Double Cab มีความกว้างมากยิ่งขึ้นจากการออกแบบโดยเน้นไปที่ความอเนกประสงค์ คอนโซลพลาสติกฉีดขึ้นรูป วางตำแหน่งของจอมัลติฟังก์ชั่นของ Kenwood สั่งงานด้วยระบบสัมผัสเอาไว้ตรงบริเวณกึ่งกลางของคอนโซล ช่องแอร์ทรงเหลี่ยม มีสวิตช์ไฟฉุกเฉินอยู่ตรงกลางดูแปลกตา ถัดจากจอมัลติฟังก์ชั่นต่ำลงมาเป็นชุดควบคุมอุณหภูมิแบบแยกส่วนสั่งงานด้วย ระบบดิจิตอลตามสมัยนิยม แผงควบคุมแอร์ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย รวมถึงช่องแอร์ด้านหลังเอาใจผู้โดยสารตอนหลังในประเทศเขตร้อน แผงแอร์มีสวิตช์ทรงเหลี่ยม ปรับตั้งควบคุมอุณหภูมิด้านซ้ายและขวา ปุ่มเร่งหรือลดความแรงของพัดลมแอร์ ที่อยู่ต่ำลงไปอีกนิดคือช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า 12V กับสวิตช์ควบคุมโหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4L/4H เบาะนั่งในตำแหน่งคนขับปรับตั้งระดับความสูงต่ำและเลื่อนเข้า-ออกได้ด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า เบาะทุกตำแหน่งของรุ่น Double Cab หุ้มด้วยหนังแท้ แผงประตูและคอนโซลกลางมีที่วางแก้วน้ำกรุด้วยพลาสติกสีเงิน

พวงมาลัย 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง มีสวิตช์ปรับตั้งค่าต่างๆ ผ่านจอ MID ขนาดเล็กบริเวณกึ่งกลางมาตรวัดและเชื่อมต่อกับระบบเครื่องเสียงหรือสั่งงาน จอภาพด้วยการกดสวิตช์ ปุ่มรับหรือวางโทรศัพท์ไร้สาย หน้าปัดมาตรวัดล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีเงิน เป็นมาตรวัดแบบเรืองแสงที่อ่านค่าได้ง่าย กึ่งกลางมาตรวัดมีจอ MID ที่สามารถปรับตั้งให้แจ้งข้อมูลเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ จอภาพ MID หรือ Multi information display แจ้งเตือนการทำงานของระบบต่างๆ เช่น นาฬิกา ทริปมิเตอร์ แจ้งระยะการบำรุงรักษา ปรับตั้งเสียงเตือนในโหมดต่างๆ ปรับตั้งระบบไฟส่องสว่าง ระบบล็อกประตู ระบบขับเคลื่อน และเข็มทิศ ส่วนจอภาพระบบสัมผัสที่คอนโซลกลางมีระบบนำทางด้วยดาวเทียม วิทยุ CD/DVD/MP3/ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอก AUX/USB แม้ความคมชัดจะเป็นรองจอราคาแพงของรถยุโรปแต่ใช้งานได้ง่ายและมีรูปแบบที่ สวยงามเข้ากับแผงคอนโซลกลางได้ดีจากการออกแบบ (ชุดจอของ Kenwood คล้ายกับ Subaru XV)

เครื่องยนต์ของ Nissan Navara NP300 เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบรุ่นล่าสุดความจุ 2.5 ลิตร เครื่องยนต์รุ่นใหม่ตัวนี้มีการปรับสมรรถนะเพื่อความประหยัดและทำให้มีแรง บิดรอบต่ำเพียงพอต่อความต้องการในการเอาตัวรอดบนทางวิบาก เครื่องยนต์ดีเซลยังปรับจูนมาเพื่อลดมลพิษ เครื่องยนต์รหัส YD25 DDTi ประกอบด้วยพาราเรลพอร์ตฝาสูบที่ปรับให้ดีขึ้น วาว์ล EGR มีขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมด้วยบายพาสอินเจคเตอร์แรงดัน 200 MPa ระบบอัดอากาศหรือเทอร์โบชาร์จเจอร์พร้อมหัวฉีดไฟฟ้าไดเรคอินเจคชั่น พร้อมอัตราการบีบอัดต่ำ กระบอกสูบ 89.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก100. 0 มิลลิเมตร ปริมาตรความจุ 2,488 ซีซี ให้กำลัง 140 กิโลวัตต์ หรือ 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร หรือ 45.9 กิโลกรัมเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที

อัตราส่วนกำลังอัดของเครื่อง YD25 DDTiอยู่ที่ 15.0:1 ถังเชื้อเพลิงความจุ 80 ลิตร ค่าไอเสียมาตรฐาน EURO-4 ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ เป็นชุดส่งกำลังแบบล่าสุดที่เน้นอัตราทดครอบคลุมทุกๆ ย่านแรงบิด อัตราทดที่กว้างทำให้ช่วงความเร็วในแต่ละเกียร์กว้างขึ้น อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงดีขึ้นจาก idle neutral control รวมไปถึง L/U แดมเปอร์ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ สำหรับใช้วิ่งทางยาว ช่วยให้ L/U ทำงานในรอบต่ำโดยไม่ส่งเสียงรบกวนมากนัก แรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์ลดลงจากจุดยึดพวกยางแท่นเครื่อง แท่นเกียร์ใหม่หมด ระบบบังคับเลี้ยวเนื่องจากต้องรับแรงมากกว่าปกติ จากการทำตัวเป็นรถลุยที่ใช้บรรทุกของหนักๆ NP300 ใช้พวงมาลัยแรคแอนพีเนียนพาวเวอร์สายพาน มีพูเลย์เชื่อมต่อกับจุดหมุนของเครื่องยนต์เพื่อหมุนปั๊มพาว์เวอร์หล่อลื่น น้ำมันในระบบบังคับเลี้ยว

ระบบรองรับของ Nissan Navara NP300 มาพร้อมกับสมรรถนะของการขับขี่แบบออฟโรด ด้วยการออกแบบความสูงจากพื้นทำมุมเข้าหากันที่ 31 องศา มุมออก 25.6 องศา สามารถขับผ่านน้ำท่วมขังหรือหลุมบ่อที่มีความลึก 450 มิลลเมตร รวมถึงความสามารถในการไต่พื้นที่ลาดชันถึง 51 องศา ช่วงล่างด้านหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบนบวกเหล็กกันโคลงหน้า ด้านหลังมัลติลิฟพร้อมโช้คอัพ ระบบห้ามล้อ ด้านหน้าเป็นแบบดิสเบรก ส่วนด้านหลังยังคงใช้ดรัมเบรกพร้อมตัวช่วย เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Shift on The Fly ช่วยให้การปรับระบบขับเคลื่อนสามารถกระทำได้ในขณะที่รถยังวิ่งอยู่ที่ย่าน ความเร็ว 100 กิโลเมตร เฟืองท้ายแบบอิเล็กทรอนิกส์ล็อกอัตโนมัติ เป็นเฟืองท้ายที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ออฟโรด โดยใช้เฟืองส่งกำลังไปที่ล้อขับเคลื่อนในปริมาณที่เท่ากันเพื่อสร้างความ สมดุลสูงสุดขณะขับเคลื่อน ระบบ HDC ควบคุมการวิ่งลงทางลาดชัน โดยยังคงความเร็วต่ำสำหรับการขับลงเนินชัน ระบบ HAS ระบบออกตัวบนทางลาดชัน เฟืองท้ายแบบ LSD จำกัดการลื่นไถล

NISSAN NAVARA NP300 4x4 DOUBLE CAB DC 4WD VL 7AT – 996,000 บาท
มิติตัวถัง
กว้าง..........................................................................1,850 มิลลิมเตร
ยาว............................................................................5,255 มิลลิเมตร
สูง...............................................................................1,790 มิลลิเมตร
ระยะห่างล้อหน้า-หลัง..................................................3,150 มิลลิเมตร
ฐานล้อหน้า-หลัง........................................................1,570 / 1,570 มิลลิเมตร
ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง...........................................220 มิลลิเมตร
น้ำหนักตัวรถ...............................................................1,905 กิโลกรัม
ล้อ และ ยาง................................................................... อัลลอยขอบ 18 นิ้ว ยาง Toyo Tires รุ่น Open Country ขนาด 255/60R18 108H
เครื่องยนต์.................................................................ดีเซลเทอร์โบแบบแถวเรียง 4 สูบ รหัส YD25DDT-i
แบบ...........................................................................DOHC 16 วาว์ล VGSI เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง.....................................................คอมมอลเรลไดเรคอินเจคชั่น ควบคุมด้วย ECCS 32 bits
กระบอกสูบxช่วงชัก...................................................89.0 มิลลิเมตรx 100.0 มิลลิเมตร
ปริมาตรความจุ.........................................................2,488 ซีซี
กำลังสูงสุด..............................................................140 กิโลวัตต์ 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด...........................................................450 นิวตันเมตร 45.9 กิโลกรัมเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที
อัตราส่วนกำลังอัด..................................................15.0:1
ความจุถังเชื้อเพลิง.......................................................80 ลิตร
มาตรฐานไอเสีย..........................................................EURO-4
ระบบส่งกำลัง.............................................................เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
ระบบขับเคลื่อน..........................................................2x4 / 4x4ล้อ Shift on The Fly (4L / 4H)
ระบบบังคับเลี้ยว........................................................พวงมาลัยพาวเวอร์แรคแอนพีเนียน
ระบรองรับ
ด้านหน้า....................................................................ดับเบิ้ลวิชโบน เหล็กกันโคลง
ด้านหลัง....................................................................มัลติลิฟ โช้คอัพ
ระบบห้ามล้อ
ด้านหน้า....................................................................ดิสเบรก
ด้านหลัง....................................................................ดรัมเบรก


ราคา All New Nissan Navara 2014
NAVARA NP300 KING CAB
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น KC S 6MT – 575,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น KC E 6MT – 631,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น KC V 6MT – 670,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น KC Calibre S 6MT – 681,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น KC Calibre E 6MT – 728,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น KC Calibre EL 6MT – 743,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น KC Calibre V 7AT – 807,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น KC 4WD V 6MT – 842,000 บาท
NAVARA NP300 Double CAB
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น DC S 6MT – 656,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น DC E 6MT – 712,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น DC Calibre S 6MT – 757,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น DC Calibre E 6MT – 804,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น DC Calibre EL 6MT – 819,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น DC Calibre EL 7AT – 861,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น DC Calibre V 7AT – 892,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น DC Calibre VL 6MT – 921,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น DC 4WD S 6MT – 832,000 บาท
ราคา All New Nissan Navara 2014 NP300 รุ่น DC 4WD VL 7AT – 996,000 บาท (คันทดสอบ)

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom

ขอขอบพระคุณ คุณอาคม  รวมสุวรรณ ถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ ไม่มีที่ติให้พวกเราได้ค้นหากัน และต้องขอขอบคุณ บจก.ไทย พรอสเพอรัส ไอที ผู้นำด้านการให้บริการ เช่ารถตู้ vip รถหรูระดับผู้บริหาร มาตรฐานความปลอดภัยสูง

ไทยรัฐ พาไปลองของบึกบึน NISSAN NAVARA NP300 กระบะพันธุ์โหด (ตอนที่ 2)

ลองของบึกบึน NISSAN NAVARA NP300 กระบะพันธุ์โหด (ตอนที่ 2)

โดย อาคม รวมสุวรรณ 1 ส.ค. 2557 15:00

ทางทดสอบในอำเภอแม่ริมช่วงกลางฤดูฝนเหมาะมากกับมาดลุยๆ ของ NP300 วิศวกรของ Nissan แจ้งมาว่า มันเหนือกว่า Navara รุ่นที่แล้วอย่างชัดเจน เส้นทางทดสอบช่วงแรกจากหน้าโรงแรมโฟร์ซีซั่นไปจนถึงจุดแวะพักแรกยาว 49.3 กิโลเมตร เฉียดเข้าใกล้กับทางที่จะขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังในจังหวัด เชียงใหม่ ขณะที่กระบะส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับงานบรรทุกหนัก แต่พฤติกรรมการใช้รถยนต์ปิกอัพของคนไทยยังคงไม่เปลี่ยน ผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ซึ่งโดยมากแล้วใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหรือในพื้นที่ห่างไกลยังคงใช้มันราวกับรถ ทั่วไป โดยแทบจะไม่เคยบรรทุกสัมภาระหนักๆ แบบเต็มพิกัด ขนาดที่ใหญ่โตกับสัดส่วนของความสูงบวกความสามารถในการลุย ทำให้รถยนต์ประเภทนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปิกอัพส่วนใหญ่สร้างขึ้นมาเพื่อการขับขี่ที่เน้นความสมบุกสมบัน เช่นเดียวกับ Navara NP300 ที่ดูเหมือนจะมีทุกอย่างตามที่คุณต้องการ แต่ไม่ว่ามันจะดีเลิศประเสริฐศรีขนาดไหน ทางโหดๆ ในอำเภอแม่ริมจะให้คำตอบนับจากนี้ต่อไป


ห้องโดยสารหรูดูดีขึ้น จากการจัดวางและรูปแบบของอุปกรณ์ คุณสามารถใช้งานบนฟังก์ชั่นต่างๆ ใน NP300 รุ่น 4 ประตู Double Cab ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 969,000 บาท ได้อย่างสะดวกโยธิน เนื่องจากมันมีภาษาไทยคอยรองรับสำหรับผู้ที่ไม่มีความถนัดด้านภาษาอังกฤษ ชุดควบคุมอุณหภูมิดิจิตอลแยกส่วนแถมช่องแอร์หลังให้กับผู้โดยสารที่เบาะหลัง กับหน้าจอมอนิเตอร์สั่งงานด้วยระบบสัมผัสกลายเป็นของที่จำเป็นซึ่งจะถูก บรรจุอยู่ในปิกอัพรุ่นท็อปยุคใหม่ทุกคัน เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้ามีตำแหน่งท่านั่งที่ดีและสามารถปรับได้ด้วยการกดหรือ เลื่อนสวิตช์ที่ด้านข้างของตัวเบาะเนื่องจากเป็นเบาะแบบไฟฟ้าแต่ให้มาแค่ ตำแหน่งเดียว ท่านั่งที่สูงกว่าปกติ ทำให้มองเห็นได้ไกลมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นเรื่องที่ดีสำหรับมุมมองรอบตัวที่โปร่งโล่ง


ลูกเล่นในระบบขับเคลื่อนที่คุณสามารถปรับการขับจาก 2 มาเป็น 4 ล้อ ด้วยความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรูปแบบ Shift on the Fly คืออีกหนึ่งความสามารถของเจ้า NP300 Double Cab 4x4 ในทางแบบชนบทที่คับแคบ พวงมาลัยให้ความรู้สึกถึงการเชื่อมโยงกันระหว่างการควบคุมและสัมผัสที่ค่อน ข้างแม่นยำ พวงมาลัยของ Navara NP300 ทำให้ผมนึกถึงพวงมาลัยเจ๋งๆ ใน Mazda BT-50 ทั้งความรู้สึก ระยะของการหมุนและสัมผัสที่ดีของน้ำหนักแม้จะเป็นปิกอัพพันธุ์ลุย พวงมาลัยทำตัวได้น่ารักทั้งบนทางเรียบหรือทางขรุขระ มันเหมือนกันมากจนรู้สึกได้ว่า Nissan กำลังใช้ความพยายามอย่างมาก ในการที่จะเอาชนะรถปิกอัพคู่แข่งที่มีพวงมาลัยเริดๆ อย่าง BT-50 Pro การจัดวางแซสชี เครื่องยนต์ เกียร์ เฟืองท้ายและเพลาขับเคลื่อน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในขณะขับขี่ส่งผลไปถึงการทรงตัวที่ออกมาในแนวนิ่งและ ค่อนข้างมั่นคงหากความเร็วที่ใช้อยู่ในระดับที่พอดิบพอดี สัดส่วนของความสูงในรถปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ จึงไม่เหมาะสำหรับการขับเข้าโค้งมุมแคบด้วยความเร็วสูงเนื่องจากเหตุผลหลัก ในด้านความปลอดภัย


เกียร์ที่มีระบบหน่วงความเร็วเมื่อขับลงทางลาดชัน ทำให้คุณไม่ต้องใช้เบรกหนักๆ ไปตลอดทางเมื่อต้องผจญกับเส้นทางขึ้น-ลงภูเขาแบบนี้ โคลนเลนและหลุมบ่อในแบบที่รถเก๋งไม่สามารถที่จะไปได้ ถูกเจ้า Navara NP300 ดูดกินบนทางเละๆ ที่ลัดเลาะไปตามไหล่เขาแบบสบายๆ ด้วยความที่อยากจะโชว์ประสิทธิภาพของรถคันนี้ ทีมจัดหาเส้นทางของ Nissan จึงไม่มีความปรานีใดๆ ทั้งสิ้นกับสื่อมวลชนที่จะต้องลงทดสอบสมรรถนะ หลุมโหดๆ ขนาดควายลงไปนอนเล่นได้ทั้งฝูงกับบางช่วงบางตอนที่เต็มไปด้วยหินก้อนบิ๊กๆ ทำให้ผมขับช้าลงจนแทบจะคลานในบางช่วงบางตอน เส้นทางที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวชอบใช้ในอำเภอแม่ริม แม้จะมีธรรมชาติที่งดงาม แต่ในยามที่ฝนชุกแบบนี้ มันคือทางที่จะใช้ทดสอบความสามารถของ NP300 อย่างแท้จริง ปางช้างในเขตทิศเหนือของจังหวัดเชียงใหม่กับสภาพความสมบูรณ์ของป่าในช่วงฤดู ฝนจากสีเขียวสดของพืชพันธุ์ไม้รอบๆ ตัว ทำให้รู้สึกดีเมื่อต้องมานั่งขับเจ้าตัวลุยตะกาย 4 ล้อของ Nissan คันนี้ มันวิ่งอย่างทุลักทุเลลุยป่าฝ่าเลนโคลนลึกๆ ได้ตามที่ต้องการโดยไม่ต้องอาศัยฝีไม้ลายมืออะไรกันมากมายนัก เกียร์ออโต้ 7 สปีด ที่มีตำแหน่งบวก-ลบแบบทริปทรอนิกส์ ทำให้การไต่ขึ้นหรือลงทำได้อย่างง่ายดายด้วยการดันคันเกียร์ไปยังตำแหน่งที่ คุณต้องการ เกียร์ตอบสนองได้เร็วและทำงานส่งถ่ายแรงบิด 450 นิวตันเมตร กระจายไปยังล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 ตามโหมดที่ปรับตั้ง ซึ่งมีทั้ง 4L และ 4H ให้เลือกใช้ตามสภาพเส้นทางที่คุณใช้ลุย


ไต่ระดับความสูงข้ามลำธารและแม่น้ำสีแดงขุ่นสายเล็กๆ ที่ไหลอย่างเชี่ยวกรากเนื่องจากฝนตกทั้งคืน ช่วงทดสอบที่ 2 มีระยะทาง 59.6 กิโลเมตร เพื่อวกกลับมายังจุดเริ่มต้น ทางแบบลาดยางสองเลนสวนกันในบางช่วงบางตอนไม่เหลือสภาพพอจะให้รถเก๋งวิ่งผ่าน และทำให้เจ้า Navara NP300 ต้องพบกับอุปสรรคจากความเน่าของทางที่กำลังมุ่งหน้าเข้าไป ความชันเริ่มเพิ่มมากขึ้นแต่ทางกลับแคบจนบางครั้งแทบจะขับสวนกันไม่ได้ ผมต้องใช้ความพยายามเพิ่มมากขึ้นในการประคองรถให้อยู่ในเลนที่ถูกต้อง เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ฝนที่ตกอย่างสาหัสสากรรจ์ทำให้ดินไหล่เขาที่อุ้งน้ำเอาไว้ไม่ไหวได้พังถล่ม ลงมาและสร้างความยากลำบากในการที่จะวิ่งฝ่าเข้าไป เกียร์ต่ำในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อใน NP300 ช่วยทำให้ทุกอย่างดูดีและง่ายขึ้น คุณจะเอาตัวรอดได้ในทางแบบนี้ด้วยรถขับเคลื่อนทุกล้อที่มีประสิทธิภาพ


แรงบิด 45.9 กิโลกรัมเมตรในย่าน 2000 รอบต่อนาที ที่ออกมาจากเครื่องยนต์ YD25DDTi ฉุดรั้งผลักดันตัวรถตะกุยตะกายขึ้นมาจากเนินที่ตั้งชันหรือปลักควายโหดๆที่ ไม่รู้จักหมดสิ้น การขับทดสอบแบบออฟโรดสร้างความสนุกสนานและความบันเทิงสำหรับพวกบ้าขับในด้าน การควบคุมพวงมาลัยและคันเร่งให้มีความสัมพันธ์ไปกับสภาพทาง แรงบิดที่ส่งออกมาตั้งแต่รอบต่ำทำให้การเอาตัวรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินบนหลุม บ่อโคลนเลนเป็นไปตามที่ต้องการ ยาง Toyo Tires รุ่น Open Country ขนาด 255/60R18 108H ออกแบบมาเพื่อทำให้มันเป็นยางรถปิกอัพที่มีดอกยางแบบกึ่งเรียบกึ่งลุย ยางรุ่น Open Country ของ Toyo Tires มีสามารถในการบุกตะลุยทางลูกรังขรุขระอยู่บ้าง แต่เมื่อยางต้องมาผจญกับโคลนหนาๆ ที่มีความลื่น แรงบิดที่ปล่อยออกมามากถึง 45.9 กิโลกรัม/เมตร อาจทำให้ล้อหลังกับส่วนท้ายของเจ้า Navara อยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง อาการสไลด์ท้ายออกข้างจากความลื่นของเส้นทาง สร้างความตื่นเต้นหวาดเสียวปนความสนุกสนานได้เหมือนกันหากคุณรู้จักควบคุม คันเร่งและพวงมาลัยในโหมดขับเคลื่อน 4L บน NP300 รุ่นขับสี่


สถานีทดสอบแบบออฟโรดของ Nissan ถูกปรุงแต่งขึ้นมาเพื่อโชว์ความสามารถของตัวรถ โดยออกแบบทางโหดๆ ให้สื่อมวลชนขับทดสอบ ซึ่งมีทั้งเนินที่สูงชันใช้ทดสอบแรงบิดกับการใช้กำลังฉุดตัวเองขึ้นไปบนยอด เนินที่สูงลิบลิ่วจนก่อให้เกิดอาการเสียวท้อง ระบบรองรับการขับขี่ที่มีความผิดแปลกไปจากการขับบนทางราบ ถูกออกแบบมาเพื่อเอาชนะกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ เนินลูกระนาดสลับไปมาทำให้ในบางช่วงบางตอน ล้อของเจ้า Navara NP300 ยกลอยขึ้นสองล้อพร้อมๆ กันโ ดยมีล้อที่เหลือกดยึดกับพื้นทาง ครูฝึกออฟโรดชาวต่างชาติที่ Nissan นำเข้ามาให้ความรู้ความเข้าใจในการขับขี่แบบออฟโรดช่วยสร้างประสบการณ์ดีๆ ที่ไม่ได้มีกันบ่อยมากนัก NP300 พิสูจน์ตัวเองและสอบผ่านทั้งสามสถานีแห่งความโหดมาได้แบบเนียนๆ


ท่ามกลางความนิยมในรถยนต์ประเภทนี้ ยังคงมีความเข้าใจผิดๆ อยู่อีกมากมาย สำหรับการขับขี่ใช้งานบนรถปิกอัพยกสูงในชีวิตประจำวัน เนื่องจากปัจจุบัน ยอมรับเลยว่าเครื่องยนต์ของรถกระบะในแต่ละค่าย มีการปรับปรุงในด้านพละกำลังแบบไม่มีใครยอมใคร แรงบิดที่เกิดขึ้นจากเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล ออกแบบมาเพื่อการฉุดลากตัวเองออกจากเส้นทางวิบาก บนทางตรงยาวมันจึงมีพลังเหลือเฟือในการทำความเร็ว ซึ่งอาจเร็วจนคุณตกใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด สำหรับการขับขี่บนไฮเวย์ เนื่องจากมีกำลังพอที่จะวิ่งในย่านความเร็วสูง ผู้คนในประเทศนี้จึงมักขับเจ้ากระบะยกสูงด้วยความเร็วที่มากเกินควรจนอาจก่อ ให้เกิดอุบัติเหตุ สัดส่วนของความสูงที่กลายเป็นข้อด้อยเมื่อขับเร็วเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้การหักพวงมาลัยกะทันหันเพื่อหลบหรือแซง หรือไปเจอกับทางที่ไม่มีความคุ้นชิน เช่น โผล่ไปพบกับโค้งมุมแคบสุดๆ อาจทำให้ตัวรถเสียอาการจนยากที่จะควบคุม โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่ผิวถนนอยู่ในสภาพที่ไม่ปกติ แม้จะมีแรงม้าท่วมท้นมากเกือบๆ 200 ตัว กับแรงบิดมหาศาลในระดับ 450 นิวตันเมตร แต่การขับขี่บนทางตรงแบบไฮเวย์ ควรระมัดระวังไม่ให้ความเร็วสูงมากจนเกินไป ความเร็วตามค่าที่ป้ายกำหนดอาจดูช้ามากสำหรับคนที่ใจร้อน แต่มันถูกกฎหมายจราจรและเป็นความเร็วที่ทำให้คุณสามารถควบคุมรถได้อย่างง่าย ดายหากปฏิบัติตาม เป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ ในการที่จะทำให้คนไทยทำตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เห็นได้เลยจากสถิติอุบัติเหตุและจำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนนที่สูงติดอันดับ โลกอยู่ในขณะนี้


Nissan Navara NP300 รุ่น DC 4WD VL 7AT ราคา 996,000 บาท เป็นค่าตัวที่คุณจะต้องจ่ายสำหรับรถปิกอัพยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ คุณจะได้ตัวลุยตัวบรรทุกที่ไม่ค่อยได้ใช้งานมันอย่างเต็มที่เต็มทางมากนัก เนื่องจากซื้อมาเอาไว้ขับไปจ่ายตลาด ขับไปทำงานที่ต้องวิ่งผ่านทางแย่ๆ เอาไว้รับลูกหรือวิ่งเล่นบนทางชนบทโหดๆ ในวันหยุดพักผ่อน ใช้ชีวิตกลางแจ้งในที่ที่รถเก๋งเข้าไม่ถึง มันมีทุกอย่างตามที่คุณอยากได้ แต่ราคาก็ใกล้เคียงเฉียดหนึ่งล้านบาทสำหรับรุ่นสูงสุดของ NP300 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์และพวงมาลัยทำงานได้ดี เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบรุ่นใหม่รหัส YD25DDTi ให้แรงบิดในแบบที่คุณจะต้องแปลกใจ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยมีมาให้ครบ กินเชื้อเพลิงดีเซลในแบบที่ควรจะเป็นสำหรับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ มันมีการขับขี่ที่เทียบเท่าหรือดีกว่ารถปิกอัพคู่แข่งในบางจุดบางแง่มุม ขึ้นอยู่กับความชอบของตัวคุณเอง หากเคยใช้ Nissan Big M / Frontier มาจนถึง Navara ในเวอร์ชั่นสุดท้ายก่อนที่จะเปลี่ยนโฉมมาเป็น Navara NP300 คุณคงไม่สงสัยในเรื่องความแกร่งของแชสซีแบบบรรทุกหนักของมัน พ่อค้าผลไม้และชาวไร่ชาวนาต่างรู้ดีว่า Nissan มักผลิตรถปิกอัพที่สามารถบรรทุกหนักได้มากเท่าที่ต้องการ ไปลองขับดูตัวที่เล็งๆ เอาไว้แล้วเปรียบเทียบข้อดีข้อด้อยของแต่ละคันก่อนตัดสินใจควักเงินเกือบ ล้าน ดูจะเป็นการดีที่สุดสำหรับการเลือกซื้อกระบะขับสี่คันต่อไปของคุณ ไม่แน่ ฤดูน้ำหลากของปีนี้ คุณอาจกำลังเอาของบรรทุกใส่กระบะท้ายเจ้า NP300 ออกไปช่วยผู้คนที่ถูกน้ำท่วมก็ได้.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom

ขอขอบพระคุณ คุณอาคม  รวมสุวรรณถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆ ได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ ทั้งคำพูดและภาพประกอบ และบจก. ไทย พรอสเพอรัส ไอที เอื้อเฟื้อพื้นที่บล็อกดีๆ ให้เราได้ใช้งานกัน