วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ค่ายโตโยต้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ Toyota INNOVA 2016


บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท MPV ในประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 เริ่มจากโตโยต้า วิช (Toyota WISH) และตามมาด้วยโตโยต้า อินโนวา (Toyota INNOVA) ในปีเดียวกัน ด้วยชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับในคุณภาพการผลิตมาตรฐานระดับโลก สมรรถนะการขับขี่ ประหยัดน้ำมัน ประโยชน์ใช้สอยและคุ้มค่า จนสามารถครองใจลูกค้าชาวไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิตลอดระยะเวลากว่า 12 ปี และสามารถเป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ประเภท MPV ในประเทศไทย ด้วยยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 108,095 คัน (ข้อมูลยอดขายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2547 ถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2559)

         นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า "โตโยต้า มีความยินดีที่ได้แนะนำ All New INNOVA CRYSTA ยนตกรรมอเนกประสงค์ระดับหรู (Premium Crossover MPV) เป็นนิยามใหม่ของรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นยนตกรรมเหนือระดับภายใต้ชื่อใหม่ INNOVA CRYSTA สะท้อนถึงภาพลักษณ์ใหม่ที่เหนือระดับ สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้า ด้วยความหรูหราและสะดวกสบายที่ครบครัน สร้างความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของกับความเหนือระดับอย่างแท้จริง"

        นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส เปิดเผยว่า "ทีมวิศวกรโตโยต้าได้สร้างสรรค์ All New INNOVA CRYSTA โดยเน้นถึงการเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่ปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นปรัชญาการเข้าถึงความต้องการของลูกค้า - Seeing is believing ภายใต้การมุ่งเน้นพัฒนาเพื่อให้เป็นจุดเปลี่ยนของรถยนต์ MPV ที่เหนือความคาดหมาย ด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกและภายในที่โดดเด่น หรูหราแตกต่างจากรถยนต์ MPV ทั่วไป ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่กว้างขวางให้ความรู้สึกผ่อนคลายเสมือนอยู่ในบ้าน ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Living room like" เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมี่ยม พร้อมอรรถประโยชน์ใช้สอยสูงสุดสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในชีวิตประจำวันได้หลากหลายแบบ และยังมีสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นในทุกสภาพถนนเทียบได้กับรถยนต์ SUV ระดับหรู ตลอดจนระบบมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกที่สมบูรณ์แบบ"



        Premium Crossover MPV : All New INNOVA CRYSTA ยนตกรรมอเนกประสงค์ระดับหรู โดดเด่น ด้วยจุดเด่น 4 จุดหลักดังนี้

        INFINITE Exterior and Interior Design…สุนทรียภาพแห่งดีไซน์ ภาพลักษณ์เหนือคำนิยาม ที่สุดแห่งความสมบูรณ์แบบเหนือจินตนาการ ด้วยดีไซน์ที่เหนือระดับ เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์กับเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและพริ้วไหว ทั้งภายในและภายนอก

        INFINITE Convenience...ตอบรับทุกความต้องการกับไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า ตอบสนองทุกความต้องการใช้งาน ด้วยห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง เบาะนั่งปรับเปลี่ยนรูปแบบได้อย่างอิสระลงตัว และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน

        INFINITE Power...ที่สุดแห่งสมรรถนะ สมบูรณ์แบบทุกการขับเคลื่อน ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร GD Efficient Boost ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และอีกหนึ่งทางเลือกกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Dual VVT-I ที่มากับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

        INFINITE Safety...มั่นใจด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือชั้น สร้างความมั่นใจในทุกสภาวะการขับขี่ เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก ทั้งแบบปกป้อง และแบบป้องกัน

        นายวุฒิกร กล่าวเพิ่มเติมว่า "All New INNOVA CRYSTA คือจุดเปลี่ยนของรถยนต์อเนกประสงค์แบบเดิม มาเป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ระดับหรูสำหรับผู้บริหาร นักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่มีความทันสมัย มั่นใจ และมีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย จึงเป็นที่มาของการสื่อสารทางการตลาด ภายใต้แนวคิด "Life is Infinite - เปลี่ยน...ให้ชีวิตทุกด้านเหนือระดับ" โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรงเพื่อให้เกิดการรับรู้แบรนด์สูงสุด พร้อมการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ รวมทั้งสื่อดิจิทัลในเว็บไซต์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

        นอกจากนี้ โตโยต้า ยังได้มอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าเพื่อร่วมสัมผัส All New INNOVA CRYSTA ได้ที่โชว์รูมโตโยต้า 459 แห่งทั่วประเทศ พร้อมงานแสดงรถยนต์ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในระหว่างวันที่ 18 - 24 ตุลาคมนี้ All New INNOVA CRYSTA มีให้เลือกถึง 3 รุ่น และมีสีให้เลือกทั้งสิ้น 4 สี เป้าหมายการขายในปี 2559 ที่ 600 คัน"

        นายวุฒิกร กล่าวปิดท้ายว่า "ผมเชื่อมั่นว่า All New INNOVA CRYSTA จะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาเติมเต็ม lineup รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ของโตโยต้าที่จะทำให้ตลาดรถยนต์กลับมามีสีสันอีกครั้ง ซึ่งผมมั่นใจว่าผู้ที่ครอบครอง All New INNOVA CRYSTA จะมีความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของยนตกรรมอเนกประสงค์ระดับหรูนี้อย่างแน่นอน และนี่คืออีกหนึ่ง "ความสุข" ที่เราขอมอบให้กับลูกค้าและสังคมไทย"

        พร้อมเลือกเป็นเจ้าของ All New INNOVA CRYSTA 3 รุ่น และ 4 สี

        (White Pearl Crystal* / Super White II** / Silver Metallic / Attitude Black)

        2.8V  เกียร์อัตโนมัติ​ (เครื่องยนต์ดีเซล)​ราคา​1,399,000 บาท***​​

        2.8G  เกียร์อัตโนมัติ​ (เครื่องยนต์ดีเซล)​ราคา​1,235,000 บาท***​

        2.0E   เกียร์ธรรมดา ​(เครื่องยนต์เบนซิน)​ราคา​1,129,000 บาท***

        *สี White Pearl Crystal (เฉพาะรุ่น 2.8V และ 2.8G) **สี Super White II (เฉพาะรุ่น 2.0E)

        ***ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมราคาชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ

        หมายเหตุ : ​สำหรับสีขาวมุก White Pearl Crystal (เฉพาะรุ่น 2.8V และ 2.8G) ราคาจะเพิ่ม 10,000 บาทจากราคาที่แสดงข้างบน

        พบกับ All New INNOVA CRYSTA ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่าย โตโยต้า 459 แห่งทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


ขอขอบพระคุณ บริการรถเช่า ผู้บริหาร มาตรฐานความปลอดภัยสูง VanVipThailand เอื้อเฟื้อพื้นที่ดี ๆสำหรับนำเสนอข้อมูล อัพเดทกันเป็นประจำทุก ๆ ครั้งที่มีการแนะนำรถใหม่ สำหรับรถยนต์บางรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ แต่ยังไม่ได้นำเสนอ จะได้ทยอยนำมาลงในลำดับต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พาไปดูซิว่า รถยนต์ MG รุ่น MG3 มีอะไรดี จึงเริ่มมีที่ยืนในตลาดบ้านเรา

หลังจากที่ MG Thailand ได้ทำการเปิดตัว MG3 ไปแล้ว หลายคนได้รู้จักหน้าตาของมันไปบางส่วน เพราะมีการเผยโฉมให้คนไทยได้สัมผัสไปแล้วในงาน MOTOR EXPO 2014 คราวนี้เราจะพาไปดูใกล้เข้าไปอีกนิดว่า ภายนอก ภายใน มีหน้าตาอย่างไร แต่ละรุ่นย่อย มีความแตกต่างกันอย่างไร ด้วยรูปทรงที่ออกจะแปลกตาจากรถ ซับคอมแพกต์ค่ายอื่นๆ มาพร้อมกับสีสันตัวถังแบบทูโทน ที่สามารถผสมผสานได้ตามใจ แถมราคายังมาในเรทเดียวกับ Eco-Car เป๊ะ มาดูซิว่า ของจริงจะน่าใช้จริงหรือไม่

จากที่ผมได้ทำการสำรวจรถคันนี้ ทั้งภายนอก และภายใน แบบคร่าวๆ เท่าที่สถานการณ์ในงานเปิดตัวจะเอื้ออำนวย งานออกแบบภายนอก ขอไม่พูดอะไรมากเรื่องความสวย เพราะเป็นความชอบส่วนบุคคล (ถ้าถามผม ด้านหน้าด้านหลัง สวย แต่ด้านข้าง ดูไม่ลงตัวเท่าไหร่) ภายใน ต้องยอมรับว่า ดูจะมาในแนวย้อนยุคไปหน่อย วัสดุภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะแผงคอนโซลต่างๆ ถือว่าเฉยๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร (ก็ตามราคานั่นแหละ) แต่สิ่งที่จะทำให้ทุกคนต้องตะลึงกับรถคันนี้ กลับเป็นสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ภายในรถคันนี้ นั่นก็คือ ระบบความปลอดภัยต่างๆ ซึ่งได้ทำการลิสต์เอาไว้ ช่วงท้ายของบทความ มาต่อกันที่ภายนอก ภายในกันเลยดีกว่า! ภายนอก MG3 Hatchback

- ระยะฐานล้อ 2,520 มม.

- ยาว x กว้าง x สูง 4,018 x 1,728 x 1,517 มม.

- ความสูงใต้ท้องรถ 158 มม.

ออฟชั่นภายนอก MG3 1.5L Hatchback C ราคา 479,000 บาท

- ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์

- กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้า

- ไฟตัดหมอกหลัง

- ไฟเบรคดวงที่สาม

- ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง

- ระบบปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบหน่วงเวลา

- ระบบปัดน้ำฝนกระจกหลัง

- ล้อกะทะเหล็ก พร้อมฝาครอบ ขนาด 14 นิ้ว ยางขนาด 185/70 R14

ออฟชั่นภายนอก MG3 1.5L Hatchback D ราคา 509,000 บาท (เพิ่มจากรุ่น C)

- Daytime Running Lights แบบ LED

- ล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว ยางขนาด 185/65 R15


ออฟชั่นภายนอก MG3 1.5L Hatchback X ราคา 559,000 บาท (เพิ่มจากรุ่น D)

- ระบบ เปิด/ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ

- ระบปัดน้ำฝนกระจกหน้าอัตโนมัติ

- ปลายท่อไอเสียแสตนเลส ทรงเหลี่ยม

- หลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า

งานออกแบบด้านหน้า มาในแนวเดียวกับรุ่นพี่อย่าง MG6 แต่ออกแนวน่ารักน่าชัง มากกว่าคมเข้ม
ด้านข้างดูเรียบๆ แต่ใช้สีหลังคาเป็นลูกเล่น
จากมุมนี้จะเห็นแนวหลังคาที่หักลงมาเป็นเหลี่ยมๆ ชัดเจน งานออกแบบ จะดูย้อนยุคนิดๆ
ด้านหลังสวยใช้ได้เลย
ตัวถังสีฟ้า หลังคาสีขาว เสา A สีดำ ดูตัดกันชัดเจน
มีไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ให้ในรุ่น D (รองท๊อป) และ X (ท๊อป)
ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 185/65 R15 (ถ้าเป็นรุ่นล่างสุด ได้ล้อแค่ 14 นิ้ว คือ จะเล็กไปไหนเนี่ย นี่มันปี 2015 แล้วนะ)


ภายนอก MG3 Xross

- ระยะฐานล้อ 2,520 มม.

- ยาว x กว้าง x สูง 4,079 x 1,739 x 1,528 มม.

- ความสูงใต้ท้องรถ 168 มม.



ออฟชั่นภายนอก MG3 Xross 1.5L X ราคา 595,000 บาท (เพิ่มเติมจากรุ่น X Hatchback)

- ไฟตัดหมอกหน้า (ไม่มีไฟ DRL)

- ปลายท่อไอเสียแสตนเลส ทรงกลม

- ชุดแต่งรอบคัน

- ราวหลังคา

- ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ยางขนาด 195/55 R16

กันชนหน้าที่แตกต่าง ดูแข่งแกร่งบึนบึนขึ้น นิดนึง
เล่นสีทูโทนกับด้านข้าง ให้ดูมีความเป็น Crossover นิดๆ ไหนๆ จะยกสูงแล้ว น่าจะสูงกว่านี้หน่อย จากตรงนี้ต้องสังเกตุดีๆ จึงจะเห็นความต่าง
ด้านหลังมีชุดแต่งมาให้อีกเหมือนกัน
ราวหลังคา สีคล้ายๆ ตัวถังรถ

ภายใน MG3 Hatchback

ออฟชั่นภายใน MG3 1.5L Hatchback C ราคา 479,000 บาท

- ภายในสีดำ เบาะผ้าสีดำ แผงประตูผ้าสีดำ

- เบาะนั่งคบขับ ปรับ 4 ทิศทาง

- เบาะนั่งด้านหลัง พับได้ 60:40

- พวงมาลัยปรับสูงต่ำได้

- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ

- กระจกไฟฟ้า พร้อมระบบ One Touch ด้านคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า

- กระจกมองหลังตัดแสง

- ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา

- ช่องจ่ายไฟสำรอง

- กุญแจรีโมทแบบพับได้

- ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า

- ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย

- เครื่องเสียง วิทยุ ซีดี MP3 1 แผ่น

- ลำโพง 4 จุด

- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ

- ช่องต่อ AUX และ USB



ออฟชั่นภายใน MG3 1.5L Hatchback D ราคา 509,000 บาท (เพิ่มจากรุ่น C)

- เบาะนั่งคนขับ ปรับได้ 6 ทิศทาง

- สวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย

- ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล

- กระจกส่องหน้าบนแผงบังแดดหน้า

- เครื่องเสียง เหมือนรุ่น C ทุกอย่าง


ออฟชั่นภายใน MG3 1.5L Hatchback X ราคา 559,000 บาท (เพิ่มจากรุ่น D)

- ภายในดำ เบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ แผงประตูหนังสังเคราะห์สีดำ

- พวงมาลัย หุ้มหน้ง เย็บด้ายแดง

- เครื่องเสียง เหมือนรุ่น C และ D แต่เพิ่มลำโพงเป็น 6 จุด

ด้วยหลังคาที่เห็นจากภายนอกแล้วว่า ค่อนข้างสูง จึงทำให้ภายในดูโปร่งใช้ได้ วัสดุภายในห้องโดยสาร นอกจากส่วนที่บุผ้า หรือ หนังแล้ว ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกแข็ง ยูริเทน
พวงมาลัยหุ้มหนัง สำหรับรุ่น X
มาตรวัดรอบและความเร็ว จริงๆ เขาก็ออกแบบสวยนะ แต่พอไม่ใช่แบบเรื่องแสง ไม่มีจอ MID ทำให้ดูย้อนยุคไปหน่อย
คอนโซลกลาง ชุดแอร์และเครื่องเสียง มาในสไตล์ย้อนยุค

ช่องสำหรับติดอุปกรณ์เสริม ชุดเครื่องเล่น DVD ระบบนำทาง ถ้าไม่ติดก็เป็นช่องเก็บของไป

ระบบเกียร์ SeleMatic 5 สปีด พร้อมสัญลักษณ์ MG3 คันเกียร์ดูสปอร์ตใช้ได้เลย

ภายใน MG3 Xross

ออฟชั่นภายใน MG3 Xross 1.5L X ราคา 595,000 บาท

- ภายในสีดำ เบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำคาดสีส้ม แผงประตูหนังสังเคราะห์สีดำ

- ที่เหลือเหมือน รุ่น Hatchback 1.5L X ทุกอย่าง

รุ่น Xross จะใช้ภายในสีดำสลับสีส้ม

เครื่องยนต์ สำหรับ Hatchback ทุกรุ่น และ Xross

- เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTi-TECH 4 สูบ 16 วาล์ว ประหยัดน้ำมันด้วยระบบวาล์วแปรผันคู่ ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที

- ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด SeleMatic (เซเลเมติก) พร้อมระบบปรับโหมดการขับขี่

- รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์สูงสุด E85

- ความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร

MG 3 เติมเต็มความมั่นใจในการขับขี่และการควบคุมรถอย่างเต็มที่ ด้วยความรู้และความเชี่ยวชาญอันเป็นตำนานของ MG ในการปรับระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ H-Type ทอร์ชันบีมคานขวางแบบ U-Shape ได้อย่างเหมาะสม ระบบช่วงล่างกึ่งอิสระยังช่วยลดน้ำหนักของตัวรถโดยรวมและเพิ่มความสามารถในการควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้นตามสไตล์ของรถยุโรป

พวงมาลัยแบบพาวเวอร์ระบบไฮดรอลิก (Hydraulic Assisted Steering Wheel) ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างง่ายดายโดยเฉพาะในการขับขี่ในเมือง ในขณะที่ในการขับขี่ที่ต้องใช้ความเร็วพวงมาลัยจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่

MG 3 ให้ความใส่ใจในความปลอดภัยของลูกค้าจึงติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า และระบบความปลอดภัยมากมายเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น ตรงนี้เรียกได้ว่า เป็นจุดขายของรถอย่างนึงเลยก็ว่าได้

ระบบความปลอดภัย

 ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง (CBC - Curve Brake Control)
 ระบบการช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill-Start Assist System)
 ระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD - Electronic Brake – Force Distribution)
 ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (TCS - Traction Control System)
 ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR - Motor Control Slide Retainer)
 ระบบควบคุมการทรงตัว (ESC - Electronic Stability Control)
 โครงสร้างตัวถังนิรภัย (USD - Ultimate Stiffness Design)
 ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS - Anti – Lock Braking System)
 ระบบเสริมแรงเบรก (BA - Brake Assist)
 ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (AIRBAGS)
 
โอ้โห เป็นยังไงล่ะ รถคันละ 4 แสนกว่าๆ 5 แสนกลางๆ เล่นจัดมาให้ซะรถคันละ 7 แสนกว่าบางคันหงายเงิบไปเลยทีเดียว ยิ่งถ้าเอามาเทียบกับรถ Eco car ที่มีราคาพอๆ กัน ยิ่งไม่ต้องฝันเลยว่า จะมีระบบ Electronic Stability Control กับระบบ Hill Start Assist ติดตั้งมาให้จากโรงงาน แถมยังมีระบบควบคุมการเบรคขณะเข้าโค้ง CBC มาให้ด้วย แม้ว่าออฟชั่นเปลือกนอกบางรายการ อาจจะดูเชยๆ ไปบ้าง แต่เชื่อเหอะ ว่าระบบความปลอดภัยที่ซ่อนอยู่ในเจ้า MG3 คันนี้ ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับราคาค่าตัว

MG 3 Hatchback เติมความสนุกขึ้นด้วยสีสันให้เลือกมากถึง 6 สี โดดเด่นด้วยตัวถังสีทูโทน อาทิ
ตัวถังสีเหลืองหลังคาสีดำ (Tudor Yellow – Black Top) ตัวถังสีแดงหลังคาสีขาว - Regal Red – White Top และตัวถังสีฟ้าหลังคาสีขาว (Thames Blue – White Top) หรือจะเลือกสีเท่ๆ อย่างสีขาว (Arctic White) สีเงิน (Platinum Silver) และสีดำ (Pitch Black) ซึ่งมีให้เลือกทั้งในรุ่น Hatchback (แฮทช์แบ็ก)และ Xross (ครอส)

รถยนต์ MG3 เป็นรถยนต์ซับคอมแพ็คที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีอิสระอย่างเต็มที่ในการมิกซ์แอนด์แมทช์สีสันภายนอกของรถยนต์ให้ตรงกับสไตล์ที่เป็นตัวเอง ด้วยสติกเกอร์ตกแต่งหลังคาดีไซน์จากอังกฤษ 5 สไตล์ ได้แก่ Scottish Kilt , Brit Pop,  MOD, Union Jack และ London รวมทั้งฝาครอบกระจกมองข้างอีก 4 สี ส่วนรุ่นครอส MG3 เพิ่มความสนุกทุกมุมมองด้วยกันชนสปอร์ตหน้า – หลัง พร้อมชุดแต่งรอบคันและ Roof Rail ให้คุณโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์พร้อมใช้งานที่หลากหลาย และไม่ว่าไลฟ์สไตล์ของคุณจะเป็นแบบใด ก็สามารถเลือกออกไปสนุกได้ในแบบของคุณเอง

สำหรับคนที่รักการเดินทาง และความบันเทิงภายในรถ MG3 ยังมีอุปกรณ์เสริมชุดเครื่องเล่น DVD พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส ระบบนำทาง Navigator System ที่มาพร้อมชุดกล้องมองหลัง ให้คุณเลือกเพิ่มความสนุกได้ไม่รู้จบ

ราคาจำหน่ายเอ็มจี 3 แบ่งเป็น รุ่นแฮทช์แบ็ค (Hatchback) 5 ประตู ได้แก่ รุ่น C ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ 479,000 บาท รุ่น (กลาง) D เหมาะกับผู้มองหาความคุ้มค่าที่ 509,000 บาท รุ่น (ท็อป) X พร้อมติดตั้งหลังคาซันรูฟที่ 559,000 บาท และสำหรับรุ่นครอส (Xross)  จะมีเพียงรุ่นท็อปรุ่นเดียว คือ รุ่น X พร้อมหลังคาซันรูฟราคา 595,000 บาท

งานนี้ MG ใจถึงจัดออฟชั่นแบบไม่อั้น ประกอบกับการป้องกันจุดโหว่เรื่องบริการหลังการขาย จากความสำเร็จของค่ายรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ในตลาดมาเป็นแนวทาง คาดว่าค่าย MG มีที่ยืนในตลาดรถยนต์เมืองไทยได้อย่างแน่นอน เนื้อหาบทความดี ๆ อย่างนี้ต้องขอขอบพระคุณ เวบไซต์ Thailand GPS Tracker ที่เอื้อเฟื้อพื้นที่ดี ๆ สำหรับบล็อกดี ๆ หากออกรถยนต์ใหม่รุ่นนี้ MG3 มาแล้วอย่าลืมติดตั้งระบบติดตามรถยนต์ของเค้าใช้งานดีจริง ๆ





















วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Honda Civic 2016 ใหม่ ทดลองสั้น ๆ โดยนสพ.ไทยรัฐ


16 กุมภาพันธ์ 2559 บริษัท Honda Automobile (Thailand) Co. Ltd เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ลงทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ VTEC TURBO ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ Honda ได้แนะนำเครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 4 สูบ 1.5 ลิตร VTEC TURBO ซึ่งประจำการอยู่ในยนตรกรรมสปอร์ตซีดาน New Honda Civic เจเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นเครื่องยนต์ VTEC 1.5 Turbo ซึ่งเตรียมที่จะเปิดตัวในประเทศไทยภายในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ สำหรับเครื่องยนต์ VTEC TURBO ที่ติดตั้งใน Honda New Civic ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่หมดโดยใช้พื้นฐานของเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 กระบอกสูบ ขนาด 1.5 ลิตร โดยปรับปรุงให้มีสมรรถนะที่ดีในด้านอัตราเร่ง และมีการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป รวมถึงการลดค่ามลพิษภายใต้เทคโนโลยี Honda Earth Dreams Technology การทำงานของเครื่องยนต์ VTEC Turbo ประกอบด้วย 3 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่


1. ระบบหัวฉีด ไดเรค อินเจคชั่น และท่อไอดีแบบตรง โดยหัวฉีดไดเรค อินเจคชั่น จะฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกระบอกสูบโดยตรง ช่วยลดอุณหภูมิภายในกระบอกสูบ และการไหลของไอดีแบบตรง ช่วยให้อากาศและเชื้อเพลิงผสมกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เผาไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นและต่อเนื่อง

 2. ระบบการควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วแบบคู่ (Dual VTC) ของท่อไอดี และท่อไอเสีย โดย Valve Timing Control (VTC) ช่วยควบคุมจังหวะการเปิด-ปิดวาล์วของท่อไอดีและท่อไอเสีย ให้สอดคล้องกัน จึงทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในรอบต่ำ



3. เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้าซึ่งมีการใช้ เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้าที่ติดตั้งใบพัดขนาดเล็ก เพื่อนำพลังงานไอเสียส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เมื่อเหยียบคันเร่ง เครื่องยนต์เทอร์โบสามารถตอบสนองได้รวดเร็ว

เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร VTEC TURBO อัดอากาศด้วยเทอร์โบแปรผัน ให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง และยังมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีในทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องขับและหยุดรถบ่อยครั้ง หรือการขับขี่บนทางไฮเวย์ข้ามจังหวัดและเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ทั่วไป เครื่องยนต์ VTEC Turbo ขนาดกระทัดรัดจาก Honda จะให้แรงบิดสูงได้ตามขนาดความจุของเครื่องยนต์ที่มีความเหนือชั้นมากกว่าเครื่อง 1.5 ลิตรแบบไม่มีระบบอัดอากาศ เครื่องยนต์ VTEC TURBO ให้แรงบิดที่มากกว่าด้วยการทำงานของระบบอัดอากาศเทอร์โบ ชาร์จเจอร์ Honda New Civic เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร VTEC TURBO พัฒนาภายใต้ Honda Earth Dreams Technology ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 5,500 รอบต่อนาที เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตร แต่กลับมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า

 
Civic VTEC Turbo มาพร้อมดีไซน์ใหม่โดยไม่มีชิ้นส่วนใดเกี่ยวข้องกับรุ่นที่แล้ว ตัวถังมีขนาดใหญ่ขึ้นในทุกมิติยกเว้นความสูงที่เตี้ยลง สัดส่วนความกว้างและความยาวที่เพิ่มขึ้นทำให้ฐานล้อถูกยืดออกไปอีกพอสมควร รถทดสอบที่ Honda Automobile นำมาให้ลองขับในสนามบุรีรัมย์เป็นรถ Civic รุ่น RS วางเครื่องยนต์ VTEC TURBO ความจุ 1.5 ลิตร กำลัง 173 แรงม้า เรือนร่างของ New Civic มีขนาดที่เกือบจะเท่ากับ Honda Accord จากมิติตัวถังที่ถูกขยับขยายเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กับห้องโดยสาร เรือนร่างของ New Civic RS เน้นความเป็นรถสปอร์ตซีดานที่ดุดันสไตล์รถยุโรป โครงสร้างตัวถังกว้างและมีความสูงลดลง ให้อารมณ์และความรู้สึกของการขับขี่สปอร์ต พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างใกล้เคียงกับรถยนต์ในระดับ D Segment สอดรับกับเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ ความก้าวล้ำทางนวัตกรรมยานยนต์ทั้งด้านการออกแบบ และสมรรถนะเครื่องยนต์ Honda New Civic 2016 เจเนอเรชั่นที่ 10 จะเข้ามาทำตลาดในกลุ่มรถยนต์นั่งซีดาน 4 ประตูระดับคอมแพคท์ โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือเบนซินแถวเรียง 4 สูบ 1.8 ลิตร และเบนซินแถวเรียง 4 สูบ 1.5 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบพร้อมวาล์วแปรผันสองฝั่ง i-VTEC โดยมีกำหนดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

Civic RS คันทดสอบมีไฟหน้า กระจังหน้า เส้นสายรอบคัน โดยเฉพาะด้านข้างกับแนวหลังคา รวมไปถึงไฟท้ายถูกเปลี่ยนแปลงใหม่หมด การใช้เส้นที่ตัดกันอย่างรุนแรงกับไฟท้ายทรงแปลกตาที่เชื่อมโยงกับรูปแบบไฟท้ายของ Civic รุ่นที่แล้ว รถคันจริงดูดีกว่ามองในจอคอมพิวเตอร์ เรือนร่างที่ใหญ่โตราวกับซีดานขนาดกลาง เสาหน้าและเสาท้ายที่ลาดเอียง แนวหลังคาโค้งสอดรับกับกระจกบังลมบานหลังที่ลาดเอียงสุดๆ เป็นการดีไซน์ตัวถังที่เน้นค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศเพื่อความลู่ลมสูงสุด ทำให้ส่วนท้ายของรถรุ่นใหม่ดูแปลกตา ไฟท้ายขนาดใหญ่รูปตัวซีใช้หลอดไฟแบบผสม ซึ่งมีทั้งหลอด LED และหลอดไฟธรรมดา ไฟหน้ามีการติดตั้งไฟหรี่ LED Daytime Running Light กระจังหน้าของรุ่น RS สีเดียวกับตัวถังเพิ่มความดุดันเอาจริงเอาจังให้กับส่วนหน้าทั้งหมด โครงสร้างของตัวถังใน New Civic ยังคงยึดโยงกับความแข็งแกร่งแบบ G-CON เหล็ก Ultra High Strength Steel ที่ใช้ขึ้นรูปทำเป็นโครงแชสซีนั้น วิศวกรของ Honda เคลมว่า มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีก 25% แนวหลังคาที่ลาดเอียงเพื่อหลักการทางด้านแอร์โรไดนามิก คอนโซลเล็กลง เสาหน้าและเสาท้ายลาดเอียงราวกับรถสปอร์ต ทำให้วิศวกรต้องปรับความสูงของตัวเบาะลงอีก 1 นิ้ว การจัดวางเครื่องยนต์ เรขาคณิตของช่วงล่างที่ดี พื้นที่ใช้สอยของห้องโดยสารที่ถูกขยับขยายรวมถึงการปรับรูปแบบของวัสดุภายในทำออกมาได้ดีขึ้น สำหรับช่วงล่างของเจ้า New Civic 2016 ด้านหน้ายังคงมีรูปแบบเดิม กันสะเทือนแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช็กอัพพร้อมกันโคลง ส่วนกันสะเทือนหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ และเสริมความแข็งแรงของส่วนท้ายด้วย Subframe แบบใหม่

ห้องโดยสารของ New Civic 2016 มีการปรับวัสดุพวกพลาสติกที่ใช้ตกแต่งห้องโดยสารด้วยรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น เปลี่ยนช่องแอร์ที่ไม่สมมาตรของรุ่นที่แล้วให้ดูดีขึ้น ห้องโดยสารของ New Civic ก็ยังอุดมไปด้วยเหลี่ยมสันเหมือนเดิมและเป็นแนวทางหลักที่นักออกแบบของ Honda ยึดถือมานาน แดชบอร์ดเหลี่ยม ช่องแอร์ทรงเหลี่ยมกรอบมาตรวัดที่ยังมีรูปทรงแบบเหลี่ยมและใช้จอมาตรวัดแทนที่มาตรวัดแบบเก่า จอ TFT thin film transistor แสดงผลมาตรวัดดิจิตอลด้วยรูปแบบกราฟฟิกทำออกมาได้ดีแต่ไม่ทำให้รู้สึกถึงความมีราคาและมองครั้งเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นรถ Honda ความกว้างของห้องโดยสารมีพื้นที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่ได้มากมายเท่ากับ Accord พื้นที่วางเท้าของเบาะผู้โดยสารตอนหลังเพิ่มเข้ามาให้ความรู้สึกสบายขณะนั่งโดยสาร เบาะคู่หน้าทรงสปอร์ต ออกแบบมาเพื่อท่านั่งที่สบายตัว เบาะไฟฟ้าในรุ่น RS สามารถกดจนต่ำสุดๆราวกับเบาะของ Civic Type R และไม่สร้างความรู้สึกอึดอัด ระบบปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารแบบดิจิตอล คันเกียร์ออโตล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีเงิน โดยภาพรวม ภายในของ New Civic มีการปรับปรุงรูปแบบและชิ้นส่วนพลาสติกต่างๆ ให้ดูดีขึ้นกว่ารุ่นที่แล้วพอสมควร

เครื่องยนต์ VTEC TURBO ของ Honda ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ให้มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดี เน้นแรงบิดรอบต่ำและให้ความเร้าใจในการขับขี่ เครื่องยนต์เทอร์โบแบบเดิมๆนั้นให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดี แต่ยังกินเชื้อเพลิง ช่างและวิศวกรของ Honda จึงพยายามปรับให้เครื่องยนต์ VTEC TURBO ตอบโจทย์ทั้งเรื่องสมรรถนะและอัตราการประหยัดน้ำมัน Honda เคลมว่า ด้วยปริมาณน้ำมันที่เท่ากัน เครื่องยนต์ VTEC TURBO 1.5 ลิตร จะให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์แบบอื่นๆที่มีความจุเท่ากันหรือมากกว่า หลักการทางด้านกลศาสตร์ที่ถูกนำมาปรับใช้ในเครื่องยนต์รุ่นนี้ โดยไอเสียที่ปล่อยออกมาทำให้ใบพัดของเทอร์โบชาร์จเจอร์ทำงานพลังงานจากไอเสียจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของพลังงานความร้อน การนำพลังงานไอเสียหมุนเวียนกลับมาใช้และค่อยๆ ใช้ให้น้อยลงไปนั้น ทำให้เกิดการสร้างพลังงานใหม่ขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องยนต์ VTEC TURBO ทำงานในลักษณะเดียวกับการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)

 เทคโนโลยีหลักของ VTEC TURBO
New Civic ที่ขายในประเทศไทยมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาดความจุ เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ โดย Honda ทำการแนะนำเครื่องยนต์ตัวใหม่ขนาด 1.5 ลิตร วีเทคเทอร์โบ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ชอบเครื่องติดหอยพิษ เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร DOHC 16 วาว์ล i-VTEC จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบไดเรคอินเจคชั่น พร้อมชุดอัดอากาศแบบเทอร์โบ ให้กำลังมากถึง 174 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมกับแรงบิดในระดับ 220 นิวตันเมตร ในย่าน 1,800-5,500 รอบต่อนาที โดยแรงบิดสูงสุดยังมาในรอบที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์ตัวเก่า ทำให้ไม่ต้องขับแบบลากรอบซึ่งกินเชื้อเพลิงอีกต่อไป ลูกสูบของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ยังมีการออกแบบให้ช่วยรักษาเสถียรภาพของการเผาไหม้ ด้วยลูกสูบที่มีน้ำหนักเบา และมีการออกแบบอย่างระมัดระวังในส่วนของหัวลูกสูบ รวมถึงการลดน้ำหนักซึ่งช่วยลดการสั่นสะเทือน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลูกสูบแบบใหม่ของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ใน New Civic มีการระบายความร้อนด้วยน้ำมันหล่อลื่นที่ด้านล่างของแต่ละสูบ แหวนลูกสูบชุบไอออนช่วยลดแรงเสียดทาน เครื่องยนต์มีน้ำหนักเบา ใช้โลหะที่มีความแข็งแรงด้วยฝาครอบแบริ่งที่ติดตั้งได้อย่างลงตัว เครื่องแถวเรียงแบบ DOHC ที่ทำจากอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปด้วยแรงดันสูง

การออกแบบให้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ปล่อยก๊าซ Co2 ลดลง โดยใช้โซเดียมเข้ามาช่วยในการทำให้ค่ามลพิษของเครื่องยนต์ดีขึ้น โซเดียมยังช่วยให้วาล์วไอเสียมีอุณหภูมิไม่สูงจนเกินไป ในส่วนของวาล์วระบายความร้อนไม่จำเป็นต้องผสานส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ทั่วไปในเครื่องยนต์เทอร์โบ ซึ่งจะช่วยให้วาล์วไอเสียเย็นลง ผลลัพธ์จากแนวคิดนำโซเดียมมาปรับใช้ ช่วยลดการปล่อยก๊าซ Co2 เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน และมีมลพิษลดต่ำ ฝาสูบที่มีขนาดเล็กลงใช้หัวเทียน M12 ลดลงจาก M14 เพื่อประหยัดพื้นที่ และลดน้ำหนักของตัวเครื่อง การฉีดตรงด้วยหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหลายรูขนาดเล็กความดันสูง ฉีดตรงละอองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้มากขึ้น ด้วยพอร์ตไอดีและลูกสูบ ซึ่งมีการออกแบบเป็นพิเศษ ระบบวาล์วแปรผัน (VTC) ที่สามารถทำงานแตกต่างกันไปตามระยะเวลาของทั้งวาว์ลไอดี และไอเสียแบบอิสระ ออกแบบเพื่อให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเรกอินเจกชั่น เสริมกับชุดอัดอากาศ ช่วยให้แรงบิดเพิ่มขึ้นพร้อมกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง ระบบจ่ายเชื้อเพลิงของ New Civic 1.5 L มีขนาดกะทัดรัดและมีแรงดันสูง ปั๊มเชื้อเพลิงแบบฉีดตรงช่วยทำให้การจ่ายเชื้อเพลิงมีค่าคงที่ ขณะที่การควบคุมแรงดันมีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวฉีดแบบใหม่ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงตรงไปในแต่ละกระบอกสูบ ช่วยให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

1. ระบบหัวฉีด ไดเรค อินเจคชั่น และท่อไอดีแบบตรง
ข้อด้อยของเครื่องยนต์เทอร์โบคือ การส่งอากาศที่มีแรงดันสูงเข้าไปในเครื่องยนต์ ทำให้อุณหภูมิและความดันภายในเครื่องยนต์เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ชะงักแต่เครื่องยนต์ VTEC TURBO ใช้เทคโนโลยีหัวฉีด ไดเรค อินเจคชั่น โดยฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกระบอกสูบโดยตรง ช่วยลดอุณหภูมิภายในกระบอกสูบและการไหลของไอดีแบบตรงช่วยให้อากาศและเชื้อเพลิงผสมกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เผาไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นและต่อเนื่อง

2. ระบบการควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วแบบคู่ (Dual VTC) ของท่อไอดี และท่อไอเสีย
เครื่องยนต์เทอร์โบทั่วไปให้กำลังที่รอบเครื่องยนต์ต่ำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้ไม่เต็มที่ แต่เครื่องยนต์ VTEC TURBO มี Valve Timing Control (VTC) เพื่อควบคุมจังหวะการเปิด-ปิดวาล์วของท่อไอดีและท่อไอเสียให้สอดคล้องกัน จึงทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแม้ในรอบต่ำ

3. เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้า
หนึ่งในปัญหาของเครื่องยนต์เทอร์โบคือ เทอร์โบตอบสนองช้า หลังจากเหยียบคันเร่ง จึงทำให้มีการปล่อยพลังงานไอเสียมากขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณไอดีให้สูงขึ้น แต่เครื่องยนต์ VTEC TURBO มีการใช้เทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้าที่ติดตั้งใบพัดขนาดเล็กเพื่อนำพลังงานไอเสียส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เมื่อเหยียบคันเร่ง เครื่องยนต์เทอร์โบสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เครื่องยนต์ถูกปรับตั้งให้มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีทั้งการขับขี่ในเมืองและบนทางหลวง
สำหรับการขับขี่ในเมือง เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรทั่วไป จะให้แรงบิดสูงได้ตามขนาดความจุของเครื่องยนต์ แต่เครื่องยนต์ VTEC TURBO ให้แรงบิดที่มากกกว่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรทั่วไป เพราะใช้ระบบอัดอากาศเทอร์โบมาคอยเสริมแรงบิด ดังนั้น VTEC TURBO จึงใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ถึงจะเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็กแต่ก็ให้สมรรถนะการขับขี่เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร

 สองรอบสนามในช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นการขับทดสอบช่วงสั้นๆ ไม่สามารถบรรยายสรรพคุณของตัวรถออกมาได้อย่างหมดเปลือก รวมถึงการห้ามถ่ายภาพเนื่องจากยังไม่ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทำให้ผมไม่สามารถนำภาพรายละเอียดยิบย่อยของตัวรถมานำเสนอในบทความนี้ได้เหมือนอย่างเคย New Civic มีการขับขี่ที่ดีขึ้น รูปโฉมโนมพรรณของรุ่น RS ก็ถูกจริตกับวัยรุ่นขาแรงที่ชอบนำ Civic ไปตกแต่งเสริมความหล่อ บอกตามตรงว่าพอเห็นตัวเป็นๆ แล้ว สวยงามโหดดุมากกว่ามองจากจอภาพแบบคนละเรื่อง

เมื่อลองขับและอัดหนักๆ ในสนามช้างฯ พวงมาลัยไฟฟ้ามีน้ำหนักที่ดีและมีความแม่นยำจากการปรับกลไกแรคพวงมาลัยใหม่ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร วีเทคเทอร์โบ ทำงานว่องไวขยันขันแข็งตามประสาเครื่อง VTEC ที่ชอบรอบสูงๆ แถมยังมีหอยพิษติดเทอร์โบมาช่วยเสริมแรงบิดทำให้ขับได้สนุกอีกด้วย เกียร์ CVT ยังคงน่าเบื่อและทำให้สมรรถนะอันจิ้ดจ้าดของเครื่องยนต์หดหายไปพอสมควรแต่แลกกลับคืนด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและค่ามลพิษที่ดีขึ้น ช่วงล่างสอดรับกับขนาดและน้ำหนักรวมถึงชุดบังคับเลี้ยวทำให้ขับสนุกพอสมควร ล้อขอบ 17 นิ้ว สีเงินสลับดำห่อรัดด้วยยาง Bridgestone รุ่น Turanza ไซส์ 215/50R17 ทั้งนุ่มและเงียบ เบาะนั่งที่กดให้ต่ำได้มากกว่า Mazda 3 สร้างความรู้สึกดีๆ ราวกับกำลังนั่งอยู่ในรถ Type R พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมแป้น Paddle shift มีขนาดที่พอเหมาะพอเจาะ หนังที่ใช้หุ้มมีคุณภาพที่ดีขึ้น หากให้เดาราคาค่าตัว Honda New Civic 2016 น่าจะมีราคาตั้งแต่ 9 แสนต้นๆ ไปจนถึง 1.1 ล้านบาท เห็นตัวจริงแล้วจะตกใจว่ามันใหญ่ขึ้นทุกด้านแต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกใหญ่จนเทอะทะ ความกว้างแบนเตี้ยของตัวถังที่ลงตัวพร้อมส่วนหน้าที่โหดดิบดุดันในรุ่น RS จะทำให้คุณรู้สึกอยากได้ก็แล้วกัน พบกับตัวเป็นๆ ของ Honda New Civic 2016 ในเดือนมีนาคมช่วงต้นเดือน ซึ่งจะเปิดตัวพร้อมกับราคาที่น่าจะใกล้เคียงกับการคาดเดาของผม เล็งรุ่น RS เอาไว้เลยหากชอบ Civic แนวซิ่ง Civic และมาตรฐานการผลิตที่ดีของ Honda ไม่น่าจะทำให้คุณต้องผิดไปจากความคาดหวังทั้งปวงที่มีต่อรถคันนี้.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thyairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom


ทางเวบไซต์ vanvip.co ต้องขอขอบพระคุณคุณอาคม รวมสุวรรณ บรรณาธิการมอเตอร์ริ่งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มาณ โอกาสนี้ ตลอดจนเนื้อหาทั้งหมดของบทความนี้ หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมอย่าลืมแวะเข้าไปอ่านที่เวบไซต์ไทยรัฐ http://www.thairath.co.th ได้โดยตรง ถึงวันนี้ 15 พ.ค. 2559 ยอดขายของ All new Honda Civic 2016 ทะลุเป้า คาดว่าจะเป็นรถยนต์ขายดี หรือ รถยนต์ในตำนานอีกรุ่นหนึ่งทีเดียว ขาดไม่ได้ก็คือ thai gps tracker รู้ลึก รู้จริง เรื่องระบบติดตามรถยนต์ เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ป้องกันรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ โดยเฉพาะ ฮอนด้า ซิวิครุ่นนี้