วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561

ขั้นตอนที่ 7 เสากลางตัวถัง

ขั้นตอนที่ 7 เสากลางตัวถัง เปิดประตูมาแล้วดูที่ "เสา" รวมถึง "กรอบประตูตรงตัวถัง" ดูรอบ ๆ เลยครับ ถ้ามีการพ่นสีตัวรถมาใหม่ ก็จะมีละอองสีอยู่ตรงนี้บ้าง ให้ดู "เสากลาง" จะสังเกตง่ายที่สุด ถ้าถึงขั้นทำสีเสาใหม่เลย ก็พิจารณาให้หนัก เพราะปกติถ้ารถไม่มีอุบัติเหตุหนักจริง ๆ จะไม่ทำสีตรงนี้กัน ถ้าสีเพิ่งทำมาใหม่ ๆ โดยที่รถยังมีอายุไม่มาก ก็น่าสงสัยว่าจะ "มิด" หนักมาแล้ว เช่น พลิกคว่ำคะมำหงาย จนเสาตัวรถเสียหาย และถ้าดูองค์ประกอบรอบด้านแล้วมีร่องรอยการซ่อมมา ก็ควรจะเลี่ยงรถคันนี้ไปก่อนดีกว่าครับ ...

ตรงส่วนของเสากลาง และกรอบช่องประตู พิจารณาดูสีที่ทำมาใหม่ ถ้ามีร่องรอยสีที่หนาผิดปกติ สีเยิ้ม สาดสีทับมา ก็มีความเสี่ยงสูง เพราะปกติจะไม่ทำกันถ้าไม่มีปัญหาอะไร ยางขอบต่าง ๆ ต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยการถอด

กลเม็ดเคล็ดรับต่าง ๆ ในการดูรถยนต์มือสองสักคัน โดยเฉพาะมือใหม่ ต้องพิจารณากันอย่างรอบคอบให้มากที่สุดเพราะรถยนต์คันหนึ่งไม่ใช่ราคาถูก ๆ บางคนต้องเก็บเงินกันทั้งชีวิตทีเดียว เนื้อหาดี ๆ เหล่านี้ต้องขอขอบพระคุณ บริการเช่ารถตู้ H1 จากแวนวีไอพี ผู้นำด้านการให้บริการรถเช่าผู้บริหาร มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ขั้นตอนที่ 6 ประตู

ขั้นตอนที่ 6 ประตู ถ้าโดนเสยข้างมา ก็เสียหายได้เยอะเหมือนกัน ให้ดูร่องรอยการทำสี 

ปกติแล้วก็จะเปลี่ยนหรือซ่อมเฉพาะบานที่เสียหาย ก็ให้พิจารณาเรื่อง "สี" เป็นอันดับแรก ออกไปมองกลางแจ้งดู ถ้าสีประตูบานใดเพี้ยนไป ก็แสดงว่าถูกซ่อมมาแล้ว อาจจะไม่ได้ถูกชนก็ได้ จะเกิดจากรอยขีดข่วน เฉี่ยว เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าสีเพี้ยนแบบเห็นได้ชัด ก็แสดงว่าซ่อมมาจากอู่ที่ไม่ค่อยได้มาตรฐาน(เว้นแต่จะสาดสีทับทั้งคัน) ก็ให้ลองดูตามซอกบานพับต่าง ๆ ว่ามีร่องรอยการสาดสีทับมาหรือป่าว ถ้าอู่ไม่เนี้ยบจริง ๆ จะมีรอย "ละอองสี" ให้เห็น และให้ดู "นอตยึดบานพับ" จะต้องไม่มีรอยถูกถอดออก ถ้าถึงขั้นถอดประตูมาซ่อม หรือเปลี่ยน ก็แสดงว่าต้องมีการชนจนเสียหายเยอะ ขอบยางประตูต่าง ๆ ต้องอยู่ในสภาพทีเ่รียบร้อย ไม่มีรอยแกะเพื่อมาซ่อมสี เว้นแต่รถที่เปลี่ยนยางขอบประตูมาเฉย ๆ แต่สีประตูเดิมก็ผ่าน ลองเปิด-ปิดดู ประตูต้องไม่ติดขัด เปิด-ปิดง่าย ดูช่องไฟระหว่างประตูหน้า-หลัง และที่ตัวถัง จะต้องห่างเสมอกัน ถ้าเดี๋ยวชิด เดี๋ยวห่าง ก็ไม่น่าไว้วางใจแล้วล่ะครับ

นอตที่สลักบานพับประตู ถ้ามีรอยถอดแสดงว่ามีการซ่อม หรือเปลี่ยนประตู

เนื้อหาดี ๆ เหล่านี้ต้องขอขอบพระคุณ บริการเช่ารถตู้ H1 พร้อมคนขับ จากบริการเช่ารถตู้ผู้บริหาร มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ต้องการเดินทางเป็นหมู่คณะ หรือครอบครัวใหญ่ ใช้งานรับรองผู้บริหาร หรือแขกต่างประเทศ รับรองไม่ผิดหวัง

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561

ขั้นตอนที่ 5 แก้มหน้า

แก้มหน้า ตรงนี้ก็เป็นจุดเสี่ยงต่อการเฉี่ยวชนเหมือนกัน อันดับแรกก็ให้ดูด้วยสายตา ดูห่าง ๆ ว่าสีมันกลืนไปกับตัวรถหรือเปล่า 


ลองดูจาก "ด้านหน้าตรง" เล็งว่าแก้มหน้าทั้งสองฝั่งมัน "สมดุล" กันหรือไม่ รวมถึงช่องไฟต่าง ๆ ด้วย ดูที่ "นอตยึดแก้ม" ตัวนอตเป็นโลหะ หัวนอตจะต้องเรียบร้อย ถ้ามีรอยเยินรอบ ๆ หรือว่าตัวนอตใส่ไม่ตรงตำแหน่งของรู อาจจะมีเยื้อง ๆ บ้างบางตัว แสดงว่ามีการถอด จะเปลี่ยนหรือเคาะซ่อมก็แล้วแต่กรณี ให้ดูตรงตะเข็บต่าง ๆ ด้วย ถ้าเกิดมีร่องรอยละอองสี หรือมีรอยสีเยิ้ม ๆ ก็ชัวร์ นอกจากนี้ จะต้องดูเรื่อง "สันคม" ต่าง ๆ จะต้องเป็นแนวที่ปะติดปะต่อกันเป็นเส้นที่กลมกลืน ถ้าเกิดสันไม่ตรง เบี้ยวไปมา ก็แสดงว่าชนมาแล้วเคาะไม่ดี ใส่ไม่ดีด้วย จริง ๆ แล้ว แก้มหน้าอาจจะมีโอกาสเสียหายได้ ถ้าซ่อมมาแล้วกลมกลืนเรียบร้อย และไม่มีผลกระทบต่ออุปกรณ์อื่น ก็พอจะอนุโลมได้เช่นกัน หรือเอาไว้เป็นข้อมูลเพื่อต่อราคาก็ได้ ....

อันนี้เป็นส่วนตะเข็บด้านในของจุดยึดแก้มหน้า ถ้ามีการสาดสีมา เอามือลูบตรงแถว ๆ สัน จะรู้ได้ทันทีว่ามีรอยสีที่พ่นมาใหม่ ไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม 


นอตที่ถูกถอด หัวนอตจะมีรอยถลอกให้เห็นชัดเจน "หมูไม่กลัวน้ำร้อน" เป็นสุภาษิตโบราณที่ยังใช้งานได้ดีกับมือใหม่ดูรถมือสองอยู่เสมอมาก บริการ เช่ารถตู้ h1 ของแวนวีไอพี เอื้อเฟื้อพื้นที่ดี ๆ ให้เราได้ใช้งานกัน รถเช่ามาตรฐาน ราคามิตรภาพ ลองไปดูที่เวบตามลิงค์ได้

วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ขั้นตอนที่ 4 ฝากระโปรง

ฝากระโปรง: เป็นชิ้นส่วนที่เสียหายไม่ง่ายนัก ถ้าเป็นรถมีอายุเยอะหน่อย อาจจะมีการทำสีมาแล้ว เนื่องจากสีเดิมซีด หมองแตกจาก"ความร้อน" จากเครื่องยนต์ แสงแดด ฯลฯ ถ้ารถอายุน้อย หากมีการทำสีมาก็ต้องดูเจตนา สีทำมาดีไหม

ส่องดู เอามือลูบแล้วเป็นคลื่นหรือเปล่า มีเม็ดฟองอากาศในเนื้อสีหรือไม่ ถ้าอย่างอื่นไม่มีร่องรอยการชน ฝากระโปรงไม่ได้เปลี่ยนมาใหม่ ก็อาจจะเกิดจากรอยขีดข่วนต่าง ๆ ไอ้แมวตัวแสบขึ้นไปตะกุย คนวางของซี้ซั้ว หรือเจอพวกมือบอนมาขีด ฯลฯ

สำหรับการดูร่องรอยที่ฝากระโปรง อันดับแรกให้ดูที่  "ช่องไฟ" ด้านซ้ายและด้านขวาจะต้องเท่ากัน ถ้าไม่เท่า ผิดกันอย่างน่าเกลียด ก็แสดงว่ามีการถอดออก แล้วใส่กลับไปไม่ดี การเปิด-ปิด จะต้องไม่ใช้แรงมากเกินความจำเป็น ถ้าปิดยาก ๆ แทบจะต้องโถมกายเข้าแลก

อันนั้นแหละมีการใส่และตั้งตัวล็อกไม่ดี ฝากระโปรงจะต้องเป็นของเดิมจากโรงงาน ซึ่งจะมีสติกเกอร์สรรพคุณต่าง ๆ จากโรงงานติดมาให้ด้วย แม้รถจะเก่า มันก็ควรจะอยู่ สติกเกอร์สรรพคุณต่าง ๆ จากโรงงานติดมาให้ด้วย แม้รถจะเก่า มันก็ควรจะอยู่ สติกเกอร์ตัวนี้จะลอกค่อนข้างยาก

ถ้าลอกก็ขาดเลย หากสติกเกอร์ไม่อยู่ก็ต้องพิจารณาว่าอาจจะถูกเปลี่ยนฝากระโปรงมา ซึ่งโดยปกติแล้ว ฝากระโปรงที่เป็นอะไหล่จะไม่มีสติกเกอร์ติดมาให้เหมือนของที่ติดรถมา และน็อตยึดฝากระโปรง มีร่องรอยการถอด ก็ชัดเจนว่าถูกเปลี่ยนมาแล้ว แสดงว่าเกิดการชนหนักถึงขั้น

ฝากระโปรงเสียหายจนซ่อมไม่ได้ มีอีกประเด็น ไม่ได้ชน แต่เจอของหนักอะไรตกระแทกก็เป็นไปได้ แต่ก็เป็นส่วนน้อยกว่ามาก เอาเป็นว่า หากมีการเปลี่ยน ก็พิจารณาต่อให้ละเอียดก็แล้วกัน...

เรื่องราวดี ๆ เหล่านี้ต้องขอขอบพระคุณ บจก.ไทย พรอสเพอรัส ไอที ผู้นำด้านการให้บริการเช่ารถตู้ขับเอง H1 ด้วยรถยนต์ใหม่ป้ายแดง รุ่นล่าสุดจากโรงงานโดยตรง เลือกคุณภาพระดับผู้นำต้องที่นี่เท่านั้น

วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ดราม่าอัตราค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฮบริดของค่ายดาวสามแฉก ราคาค่าแบตเตอรี่เหยียบ 8แสนบาท

ข่าวที่โด่งดังไม่ทันข้ามคืนเห็นจะหนีไม่พ้นดราม่าอัตราค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฮบริดของค่ายดาวสามแฉก ราคาค่าแบตเตอรี่เหยียบ 8แสนบาท ในมูลค่าของรถยนต์ S class ออกใหม่ป้ายแดง 6 ล้านกว่าบาท บางความเห็นบอกถูก บางความเห็นบอกแพง รู้อย่างนี้ไปซื้อรถญี่ปุ่นใช้ดีกว่า หลากหลายความเห็นลองไปติดตามกันที่บอร์ด พันทิป https://pantip.com/topic/36502519



เมอร์เซเดสเบนซ์ฯ ยันช่วงประกัน "แบตเตอรี่ไฮบริด" ซ่อมให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ยอมรับใบเสร็จระบุเกือบ 8 แสนบาทของจริง แต่เป็นแค่การแจ้งซ่อมตามระบบ การันตีพ้นระยะประกันแล้ว ค่า "แบตเตอรี่ไฮบริด" แค่ 2.1 แสนบาททเท่านั้น มั่นใจอนาคตแบตเตอรี่ไฮบริดถูกลงอีกแน่

จากกรณีสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์กันอย่างหลากหลาย กลุ่มคนใช้รถเบนซ์ จ.ชุมพร นำรถเบนซ์เข้าศูนย์เบนซ์สุราษฎร์ธานี เพื่อขอเคลมซ่อมรถเบนซ์ รุ่น E300 Hybrid เนื่องจาก Battery hybrid เสียพร้อมอุปกรณ์ต่อเนื่อง อายุรถ 3 ปี 7เดือน เลขไมล์ 310,000 กม.โดยบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย จำกัด) ได้ดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดฟรี จำนวน 958,662.22 บาท อย่างไรก็ตาม มีค่าใช้จ่ายระบุเป็น ค่าแบตเตอรี่ไฮบริด 793,500 บาท ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างหลากหลายนั้น

ล่าสุดวันนี้ (29 พ.ค.) "บ้านเมืองออนไลน์" ได้ติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงไปยัง บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)  จำกัด โดยฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับบิลใบเสร็จค่าใช้จ่ายตามข่าวดังกล่าวเป็นจริง แต่เป็นเพียงการเสนอการเคลมประกัน แบตเตอรี่ไฮบริด ตามระบบปกติของช่วงระยะเวลาประกัน


ทั้งนี้ บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มีเงื่อนไขระยะการประกันรุ่น E300 Hybrid ดังกล่าว 2 กรณี คือ กรณีแรกจะรับประกันเป็นระยะเวลา 5 ปีแรก แบบไม่จำกัดระยะทาง (เสียหายเปลี่ยนใหม่ให้ฟรี) และกรณีที่สองจะมีการรับประกันเพิ่มให้อีก 5 ปี แต่มีเงื่อนไขว่ารถยนต์จะต้องวิ่งไปไม่เกินระยะทาง 150,000 กิโลเมตร (ตลอดช่วงเวลาการรับประกัน)

อย่างไรก็ตามหากเกิดกรณีที่สาม คือรถยนต์มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี และมีระยะทางเกิน 150,000 กิโลเมตรแล้ว และเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฮบริด ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ฯ การันตีราคาแบตเตอรี่ไฮบริดไว้ที่ไม่เกิน 210,000 บาท และในอนาคตเชื่อว่าการพัฒนาจะทำให้ราคาแบตเตอรี่ไฮบริดมีราคาต่ำกว่า 200,000 บาทอย่างแน่นอน

แนะนำเวบไซต์ดี ๆ สำหรับให้บริการ เช่ารถตู้วีไอพี ต้องลองเข้าไปดูที่เวบไซต์ http://www.vanvipthailand.com ได้ครับ สำหรับ บริการรถยนต์เช่าผู้บริหาร มาตรฐานความปลอดภัยสูง ทีมงานมืออาชีพ ในรูปแบบบริษัทฯ

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ค่ายโตโยต้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ Toyota INNOVA 2016


บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท MPV ในประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 เริ่มจากโตโยต้า วิช (Toyota WISH) และตามมาด้วยโตโยต้า อินโนวา (Toyota INNOVA) ในปีเดียวกัน ด้วยชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับในคุณภาพการผลิตมาตรฐานระดับโลก สมรรถนะการขับขี่ ประหยัดน้ำมัน ประโยชน์ใช้สอยและคุ้มค่า จนสามารถครองใจลูกค้าชาวไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิตลอดระยะเวลากว่า 12 ปี และสามารถเป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ประเภท MPV ในประเทศไทย ด้วยยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 108,095 คัน (ข้อมูลยอดขายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2547 ถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2559)

         นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า "โตโยต้า มีความยินดีที่ได้แนะนำ All New INNOVA CRYSTA ยนตกรรมอเนกประสงค์ระดับหรู (Premium Crossover MPV) เป็นนิยามใหม่ของรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นยนตกรรมเหนือระดับภายใต้ชื่อใหม่ INNOVA CRYSTA สะท้อนถึงภาพลักษณ์ใหม่ที่เหนือระดับ สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้า ด้วยความหรูหราและสะดวกสบายที่ครบครัน สร้างความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของกับความเหนือระดับอย่างแท้จริง"

        นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส เปิดเผยว่า "ทีมวิศวกรโตโยต้าได้สร้างสรรค์ All New INNOVA CRYSTA โดยเน้นถึงการเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่ปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นปรัชญาการเข้าถึงความต้องการของลูกค้า - Seeing is believing ภายใต้การมุ่งเน้นพัฒนาเพื่อให้เป็นจุดเปลี่ยนของรถยนต์ MPV ที่เหนือความคาดหมาย ด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกและภายในที่โดดเด่น หรูหราแตกต่างจากรถยนต์ MPV ทั่วไป ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่กว้างขวางให้ความรู้สึกผ่อนคลายเสมือนอยู่ในบ้าน ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Living room like" เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมี่ยม พร้อมอรรถประโยชน์ใช้สอยสูงสุดสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในชีวิตประจำวันได้หลากหลายแบบ และยังมีสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นในทุกสภาพถนนเทียบได้กับรถยนต์ SUV ระดับหรู ตลอดจนระบบมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกที่สมบูรณ์แบบ"



        Premium Crossover MPV : All New INNOVA CRYSTA ยนตกรรมอเนกประสงค์ระดับหรู โดดเด่น ด้วยจุดเด่น 4 จุดหลักดังนี้

        INFINITE Exterior and Interior Design…สุนทรียภาพแห่งดีไซน์ ภาพลักษณ์เหนือคำนิยาม ที่สุดแห่งความสมบูรณ์แบบเหนือจินตนาการ ด้วยดีไซน์ที่เหนือระดับ เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์กับเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและพริ้วไหว ทั้งภายในและภายนอก

        INFINITE Convenience...ตอบรับทุกความต้องการกับไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า ตอบสนองทุกความต้องการใช้งาน ด้วยห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง เบาะนั่งปรับเปลี่ยนรูปแบบได้อย่างอิสระลงตัว และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน

        INFINITE Power...ที่สุดแห่งสมรรถนะ สมบูรณ์แบบทุกการขับเคลื่อน ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร GD Efficient Boost ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และอีกหนึ่งทางเลือกกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Dual VVT-I ที่มากับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

        INFINITE Safety...มั่นใจด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือชั้น สร้างความมั่นใจในทุกสภาวะการขับขี่ เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก ทั้งแบบปกป้อง และแบบป้องกัน

        นายวุฒิกร กล่าวเพิ่มเติมว่า "All New INNOVA CRYSTA คือจุดเปลี่ยนของรถยนต์อเนกประสงค์แบบเดิม มาเป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ระดับหรูสำหรับผู้บริหาร นักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่มีความทันสมัย มั่นใจ และมีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย จึงเป็นที่มาของการสื่อสารทางการตลาด ภายใต้แนวคิด "Life is Infinite - เปลี่ยน...ให้ชีวิตทุกด้านเหนือระดับ" โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรงเพื่อให้เกิดการรับรู้แบรนด์สูงสุด พร้อมการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ รวมทั้งสื่อดิจิทัลในเว็บไซต์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

        นอกจากนี้ โตโยต้า ยังได้มอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าเพื่อร่วมสัมผัส All New INNOVA CRYSTA ได้ที่โชว์รูมโตโยต้า 459 แห่งทั่วประเทศ พร้อมงานแสดงรถยนต์ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในระหว่างวันที่ 18 - 24 ตุลาคมนี้ All New INNOVA CRYSTA มีให้เลือกถึง 3 รุ่น และมีสีให้เลือกทั้งสิ้น 4 สี เป้าหมายการขายในปี 2559 ที่ 600 คัน"

        นายวุฒิกร กล่าวปิดท้ายว่า "ผมเชื่อมั่นว่า All New INNOVA CRYSTA จะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาเติมเต็ม lineup รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ของโตโยต้าที่จะทำให้ตลาดรถยนต์กลับมามีสีสันอีกครั้ง ซึ่งผมมั่นใจว่าผู้ที่ครอบครอง All New INNOVA CRYSTA จะมีความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของยนตกรรมอเนกประสงค์ระดับหรูนี้อย่างแน่นอน และนี่คืออีกหนึ่ง "ความสุข" ที่เราขอมอบให้กับลูกค้าและสังคมไทย"

        พร้อมเลือกเป็นเจ้าของ All New INNOVA CRYSTA 3 รุ่น และ 4 สี

        (White Pearl Crystal* / Super White II** / Silver Metallic / Attitude Black)

        2.8V  เกียร์อัตโนมัติ​ (เครื่องยนต์ดีเซล)​ราคา​1,399,000 บาท***​​

        2.8G  เกียร์อัตโนมัติ​ (เครื่องยนต์ดีเซล)​ราคา​1,235,000 บาท***​

        2.0E   เกียร์ธรรมดา ​(เครื่องยนต์เบนซิน)​ราคา​1,129,000 บาท***

        *สี White Pearl Crystal (เฉพาะรุ่น 2.8V และ 2.8G) **สี Super White II (เฉพาะรุ่น 2.0E)

        ***ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมราคาชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ

        หมายเหตุ : ​สำหรับสีขาวมุก White Pearl Crystal (เฉพาะรุ่น 2.8V และ 2.8G) ราคาจะเพิ่ม 10,000 บาทจากราคาที่แสดงข้างบน

        พบกับ All New INNOVA CRYSTA ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่าย โตโยต้า 459 แห่งทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


ขอขอบพระคุณ บริการรถเช่า ผู้บริหาร มาตรฐานความปลอดภัยสูง VanVipThailand เอื้อเฟื้อพื้นที่ดี ๆสำหรับนำเสนอข้อมูล อัพเดทกันเป็นประจำทุก ๆ ครั้งที่มีการแนะนำรถใหม่ สำหรับรถยนต์บางรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ แต่ยังไม่ได้นำเสนอ จะได้ทยอยนำมาลงในลำดับต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พาไปดูซิว่า รถยนต์ MG รุ่น MG3 มีอะไรดี จึงเริ่มมีที่ยืนในตลาดบ้านเรา

หลังจากที่ MG Thailand ได้ทำการเปิดตัว MG3 ไปแล้ว หลายคนได้รู้จักหน้าตาของมันไปบางส่วน เพราะมีการเผยโฉมให้คนไทยได้สัมผัสไปแล้วในงาน MOTOR EXPO 2014 คราวนี้เราจะพาไปดูใกล้เข้าไปอีกนิดว่า ภายนอก ภายใน มีหน้าตาอย่างไร แต่ละรุ่นย่อย มีความแตกต่างกันอย่างไร ด้วยรูปทรงที่ออกจะแปลกตาจากรถ ซับคอมแพกต์ค่ายอื่นๆ มาพร้อมกับสีสันตัวถังแบบทูโทน ที่สามารถผสมผสานได้ตามใจ แถมราคายังมาในเรทเดียวกับ Eco-Car เป๊ะ มาดูซิว่า ของจริงจะน่าใช้จริงหรือไม่

จากที่ผมได้ทำการสำรวจรถคันนี้ ทั้งภายนอก และภายใน แบบคร่าวๆ เท่าที่สถานการณ์ในงานเปิดตัวจะเอื้ออำนวย งานออกแบบภายนอก ขอไม่พูดอะไรมากเรื่องความสวย เพราะเป็นความชอบส่วนบุคคล (ถ้าถามผม ด้านหน้าด้านหลัง สวย แต่ด้านข้าง ดูไม่ลงตัวเท่าไหร่) ภายใน ต้องยอมรับว่า ดูจะมาในแนวย้อนยุคไปหน่อย วัสดุภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะแผงคอนโซลต่างๆ ถือว่าเฉยๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร (ก็ตามราคานั่นแหละ) แต่สิ่งที่จะทำให้ทุกคนต้องตะลึงกับรถคันนี้ กลับเป็นสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ภายในรถคันนี้ นั่นก็คือ ระบบความปลอดภัยต่างๆ ซึ่งได้ทำการลิสต์เอาไว้ ช่วงท้ายของบทความ มาต่อกันที่ภายนอก ภายในกันเลยดีกว่า! ภายนอก MG3 Hatchback

- ระยะฐานล้อ 2,520 มม.

- ยาว x กว้าง x สูง 4,018 x 1,728 x 1,517 มม.

- ความสูงใต้ท้องรถ 158 มม.

ออฟชั่นภายนอก MG3 1.5L Hatchback C ราคา 479,000 บาท

- ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์

- กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้า

- ไฟตัดหมอกหลัง

- ไฟเบรคดวงที่สาม

- ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง

- ระบบปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบหน่วงเวลา

- ระบบปัดน้ำฝนกระจกหลัง

- ล้อกะทะเหล็ก พร้อมฝาครอบ ขนาด 14 นิ้ว ยางขนาด 185/70 R14

ออฟชั่นภายนอก MG3 1.5L Hatchback D ราคา 509,000 บาท (เพิ่มจากรุ่น C)

- Daytime Running Lights แบบ LED

- ล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว ยางขนาด 185/65 R15


ออฟชั่นภายนอก MG3 1.5L Hatchback X ราคา 559,000 บาท (เพิ่มจากรุ่น D)

- ระบบ เปิด/ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ

- ระบปัดน้ำฝนกระจกหน้าอัตโนมัติ

- ปลายท่อไอเสียแสตนเลส ทรงเหลี่ยม

- หลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า

งานออกแบบด้านหน้า มาในแนวเดียวกับรุ่นพี่อย่าง MG6 แต่ออกแนวน่ารักน่าชัง มากกว่าคมเข้ม
ด้านข้างดูเรียบๆ แต่ใช้สีหลังคาเป็นลูกเล่น
จากมุมนี้จะเห็นแนวหลังคาที่หักลงมาเป็นเหลี่ยมๆ ชัดเจน งานออกแบบ จะดูย้อนยุคนิดๆ
ด้านหลังสวยใช้ได้เลย
ตัวถังสีฟ้า หลังคาสีขาว เสา A สีดำ ดูตัดกันชัดเจน
มีไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ให้ในรุ่น D (รองท๊อป) และ X (ท๊อป)
ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 185/65 R15 (ถ้าเป็นรุ่นล่างสุด ได้ล้อแค่ 14 นิ้ว คือ จะเล็กไปไหนเนี่ย นี่มันปี 2015 แล้วนะ)


ภายนอก MG3 Xross

- ระยะฐานล้อ 2,520 มม.

- ยาว x กว้าง x สูง 4,079 x 1,739 x 1,528 มม.

- ความสูงใต้ท้องรถ 168 มม.



ออฟชั่นภายนอก MG3 Xross 1.5L X ราคา 595,000 บาท (เพิ่มเติมจากรุ่น X Hatchback)

- ไฟตัดหมอกหน้า (ไม่มีไฟ DRL)

- ปลายท่อไอเสียแสตนเลส ทรงกลม

- ชุดแต่งรอบคัน

- ราวหลังคา

- ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ยางขนาด 195/55 R16

กันชนหน้าที่แตกต่าง ดูแข่งแกร่งบึนบึนขึ้น นิดนึง
เล่นสีทูโทนกับด้านข้าง ให้ดูมีความเป็น Crossover นิดๆ ไหนๆ จะยกสูงแล้ว น่าจะสูงกว่านี้หน่อย จากตรงนี้ต้องสังเกตุดีๆ จึงจะเห็นความต่าง
ด้านหลังมีชุดแต่งมาให้อีกเหมือนกัน
ราวหลังคา สีคล้ายๆ ตัวถังรถ

ภายใน MG3 Hatchback

ออฟชั่นภายใน MG3 1.5L Hatchback C ราคา 479,000 บาท

- ภายในสีดำ เบาะผ้าสีดำ แผงประตูผ้าสีดำ

- เบาะนั่งคบขับ ปรับ 4 ทิศทาง

- เบาะนั่งด้านหลัง พับได้ 60:40

- พวงมาลัยปรับสูงต่ำได้

- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ

- กระจกไฟฟ้า พร้อมระบบ One Touch ด้านคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า

- กระจกมองหลังตัดแสง

- ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา

- ช่องจ่ายไฟสำรอง

- กุญแจรีโมทแบบพับได้

- ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า

- ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย

- เครื่องเสียง วิทยุ ซีดี MP3 1 แผ่น

- ลำโพง 4 จุด

- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ

- ช่องต่อ AUX และ USB



ออฟชั่นภายใน MG3 1.5L Hatchback D ราคา 509,000 บาท (เพิ่มจากรุ่น C)

- เบาะนั่งคนขับ ปรับได้ 6 ทิศทาง

- สวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย

- ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล

- กระจกส่องหน้าบนแผงบังแดดหน้า

- เครื่องเสียง เหมือนรุ่น C ทุกอย่าง


ออฟชั่นภายใน MG3 1.5L Hatchback X ราคา 559,000 บาท (เพิ่มจากรุ่น D)

- ภายในดำ เบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ แผงประตูหนังสังเคราะห์สีดำ

- พวงมาลัย หุ้มหน้ง เย็บด้ายแดง

- เครื่องเสียง เหมือนรุ่น C และ D แต่เพิ่มลำโพงเป็น 6 จุด

ด้วยหลังคาที่เห็นจากภายนอกแล้วว่า ค่อนข้างสูง จึงทำให้ภายในดูโปร่งใช้ได้ วัสดุภายในห้องโดยสาร นอกจากส่วนที่บุผ้า หรือ หนังแล้ว ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกแข็ง ยูริเทน
พวงมาลัยหุ้มหนัง สำหรับรุ่น X
มาตรวัดรอบและความเร็ว จริงๆ เขาก็ออกแบบสวยนะ แต่พอไม่ใช่แบบเรื่องแสง ไม่มีจอ MID ทำให้ดูย้อนยุคไปหน่อย
คอนโซลกลาง ชุดแอร์และเครื่องเสียง มาในสไตล์ย้อนยุค

ช่องสำหรับติดอุปกรณ์เสริม ชุดเครื่องเล่น DVD ระบบนำทาง ถ้าไม่ติดก็เป็นช่องเก็บของไป

ระบบเกียร์ SeleMatic 5 สปีด พร้อมสัญลักษณ์ MG3 คันเกียร์ดูสปอร์ตใช้ได้เลย

ภายใน MG3 Xross

ออฟชั่นภายใน MG3 Xross 1.5L X ราคา 595,000 บาท

- ภายในสีดำ เบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำคาดสีส้ม แผงประตูหนังสังเคราะห์สีดำ

- ที่เหลือเหมือน รุ่น Hatchback 1.5L X ทุกอย่าง

รุ่น Xross จะใช้ภายในสีดำสลับสีส้ม

เครื่องยนต์ สำหรับ Hatchback ทุกรุ่น และ Xross

- เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTi-TECH 4 สูบ 16 วาล์ว ประหยัดน้ำมันด้วยระบบวาล์วแปรผันคู่ ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที

- ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด SeleMatic (เซเลเมติก) พร้อมระบบปรับโหมดการขับขี่

- รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์สูงสุด E85

- ความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร

MG 3 เติมเต็มความมั่นใจในการขับขี่และการควบคุมรถอย่างเต็มที่ ด้วยความรู้และความเชี่ยวชาญอันเป็นตำนานของ MG ในการปรับระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ H-Type ทอร์ชันบีมคานขวางแบบ U-Shape ได้อย่างเหมาะสม ระบบช่วงล่างกึ่งอิสระยังช่วยลดน้ำหนักของตัวรถโดยรวมและเพิ่มความสามารถในการควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้นตามสไตล์ของรถยุโรป

พวงมาลัยแบบพาวเวอร์ระบบไฮดรอลิก (Hydraulic Assisted Steering Wheel) ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างง่ายดายโดยเฉพาะในการขับขี่ในเมือง ในขณะที่ในการขับขี่ที่ต้องใช้ความเร็วพวงมาลัยจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่

MG 3 ให้ความใส่ใจในความปลอดภัยของลูกค้าจึงติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า และระบบความปลอดภัยมากมายเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น ตรงนี้เรียกได้ว่า เป็นจุดขายของรถอย่างนึงเลยก็ว่าได้

ระบบความปลอดภัย

 ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง (CBC - Curve Brake Control)
 ระบบการช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill-Start Assist System)
 ระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD - Electronic Brake – Force Distribution)
 ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (TCS - Traction Control System)
 ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR - Motor Control Slide Retainer)
 ระบบควบคุมการทรงตัว (ESC - Electronic Stability Control)
 โครงสร้างตัวถังนิรภัย (USD - Ultimate Stiffness Design)
 ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS - Anti – Lock Braking System)
 ระบบเสริมแรงเบรก (BA - Brake Assist)
 ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (AIRBAGS)
 
โอ้โห เป็นยังไงล่ะ รถคันละ 4 แสนกว่าๆ 5 แสนกลางๆ เล่นจัดมาให้ซะรถคันละ 7 แสนกว่าบางคันหงายเงิบไปเลยทีเดียว ยิ่งถ้าเอามาเทียบกับรถ Eco car ที่มีราคาพอๆ กัน ยิ่งไม่ต้องฝันเลยว่า จะมีระบบ Electronic Stability Control กับระบบ Hill Start Assist ติดตั้งมาให้จากโรงงาน แถมยังมีระบบควบคุมการเบรคขณะเข้าโค้ง CBC มาให้ด้วย แม้ว่าออฟชั่นเปลือกนอกบางรายการ อาจจะดูเชยๆ ไปบ้าง แต่เชื่อเหอะ ว่าระบบความปลอดภัยที่ซ่อนอยู่ในเจ้า MG3 คันนี้ ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับราคาค่าตัว

MG 3 Hatchback เติมความสนุกขึ้นด้วยสีสันให้เลือกมากถึง 6 สี โดดเด่นด้วยตัวถังสีทูโทน อาทิ
ตัวถังสีเหลืองหลังคาสีดำ (Tudor Yellow – Black Top) ตัวถังสีแดงหลังคาสีขาว - Regal Red – White Top และตัวถังสีฟ้าหลังคาสีขาว (Thames Blue – White Top) หรือจะเลือกสีเท่ๆ อย่างสีขาว (Arctic White) สีเงิน (Platinum Silver) และสีดำ (Pitch Black) ซึ่งมีให้เลือกทั้งในรุ่น Hatchback (แฮทช์แบ็ก)และ Xross (ครอส)

รถยนต์ MG3 เป็นรถยนต์ซับคอมแพ็คที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีอิสระอย่างเต็มที่ในการมิกซ์แอนด์แมทช์สีสันภายนอกของรถยนต์ให้ตรงกับสไตล์ที่เป็นตัวเอง ด้วยสติกเกอร์ตกแต่งหลังคาดีไซน์จากอังกฤษ 5 สไตล์ ได้แก่ Scottish Kilt , Brit Pop,  MOD, Union Jack และ London รวมทั้งฝาครอบกระจกมองข้างอีก 4 สี ส่วนรุ่นครอส MG3 เพิ่มความสนุกทุกมุมมองด้วยกันชนสปอร์ตหน้า – หลัง พร้อมชุดแต่งรอบคันและ Roof Rail ให้คุณโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์พร้อมใช้งานที่หลากหลาย และไม่ว่าไลฟ์สไตล์ของคุณจะเป็นแบบใด ก็สามารถเลือกออกไปสนุกได้ในแบบของคุณเอง

สำหรับคนที่รักการเดินทาง และความบันเทิงภายในรถ MG3 ยังมีอุปกรณ์เสริมชุดเครื่องเล่น DVD พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส ระบบนำทาง Navigator System ที่มาพร้อมชุดกล้องมองหลัง ให้คุณเลือกเพิ่มความสนุกได้ไม่รู้จบ

ราคาจำหน่ายเอ็มจี 3 แบ่งเป็น รุ่นแฮทช์แบ็ค (Hatchback) 5 ประตู ได้แก่ รุ่น C ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ 479,000 บาท รุ่น (กลาง) D เหมาะกับผู้มองหาความคุ้มค่าที่ 509,000 บาท รุ่น (ท็อป) X พร้อมติดตั้งหลังคาซันรูฟที่ 559,000 บาท และสำหรับรุ่นครอส (Xross)  จะมีเพียงรุ่นท็อปรุ่นเดียว คือ รุ่น X พร้อมหลังคาซันรูฟราคา 595,000 บาท

งานนี้ MG ใจถึงจัดออฟชั่นแบบไม่อั้น ประกอบกับการป้องกันจุดโหว่เรื่องบริการหลังการขาย จากความสำเร็จของค่ายรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ในตลาดมาเป็นแนวทาง คาดว่าค่าย MG มีที่ยืนในตลาดรถยนต์เมืองไทยได้อย่างแน่นอน เนื้อหาบทความดี ๆ อย่างนี้ต้องขอขอบพระคุณ เวบไซต์ Thailand GPS Tracker ที่เอื้อเฟื้อพื้นที่ดี ๆ สำหรับบล็อกดี ๆ หากออกรถยนต์ใหม่รุ่นนี้ MG3 มาแล้วอย่าลืมติดตั้งระบบติดตามรถยนต์ของเค้าใช้งานดีจริง ๆ